haha

วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ความขัดแย้ง...

คนเราความคิดคนละด้านมองคนละมุม...เป็นการทำร้ายใครหรือเปล่า...เราว่าไม่ใช่
สมองคนละสมองการมองเห็นอาจคนละมุมหรือมุมเดียว
แต่เชื่อว่าคิดคนละแบบแน่นอน...เพราะฉะนั้นอย่าไปดูถูกใครว่าเป็นการทำร้ายใคร
หรือการฟังใครๆๆวิจารณ์อะไรใช่ว่าเป็นการสะสมในการล้างสมอง
คนเราคิดเองเป็นกระมัง...เวลาเราเดินเรายังต้องเดินอยู่บนขาเราเองเลย
เราไปยืมขาใครเดินหรือเปล่า...เราหายใจก็ยังหายใจด้วยตัวเราเอง
ตาเราไปยืมใครมามองหรือเปล่า...หูเราไปยืมหูคนอื่นฟังไหม
สมองเราไปยืมคนอื่นคิดแทนหรือไม่..
ความขัดแย้งไม่ว่าด้านไหนบางคนอาจคิดว่าตัวเองคิดดีทำดี
นั่นคือเหตุผลของแต่ละคน...คุณจะรับได้ไหมนั่นคือเหตุผล
แต่การยอมรับหรือไม่ยอมรับไม่ใช่การที่คุณจะไปพูดเหน็บแนม
เพราะถ้าเป็นแบบนั้น..ความรู้สึกดีๆๆทั้งหมดก้เป็นบ่อเกิดของความขัดแย้งแน่นอน
ซึ่งเราเองก็ผ่านเหตุการณ์แบบนั้นมาเพราะ...เขาคิดทางเราคิดทาง
มุมมองคนละด้าน...สุดท้ายได้ยินว่า...ขอร้องละหยุดการทำร้ายเสียที
เหอะๆๆๆๆไอ้ที่เราฟัง...พูด...แล้วคิดคนละมุมในเชิงวิชาการกลายเป็นเหมือนผิด
งะ...มันหนักขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย..ไม่ได้ไปทำร้ายใครขนาดนั้น
ไม่ได้ใช้คำพูดไปฆ่าใคร...หรือเหยียบย่ำใครหรือดูถูกใครถ้าไม่มีหลักฐานข้อมูล
เอสรุป...ความขัดแย้งเนี่ยมันบ่อนทำลายมิตรภาพได้จริงๆๆด้วยคำพูด
ด้วยความคิด...ด้วย..มุมมอง..ในสถานะความคิดเห็นคนละด้าน
ไม่มายยไม่คุยก็ไม่ต้องคุย....ว๊ากกกกก....บทสรุปอันสุดท้าย
ก่อนที่จะจบฉากลงในการสนทนา....อืม....ซ้าย...ขวา....ซ้าย
เดินต่อไป....ในยามค่ำคืน...ด้วยสองขาของเราเอง....ฮิ้ววววว....ยัยนาวเอ้ย...

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เรื่องเล่า ขำขำ ไม่ได้ขึ้นเงินเดือนกับเขาซักที

เรื่องเล่า ขำขำ ไม่ได้ขึ้นเงินเดือนกับเขาซักที


อย่าสงสัยว่าทำไมเงินเดือนไม่ขึ้น หลังจากทำงานผ่านไปได้ 2 ปี หนุ่มคนหนึ่งก็เริ่มสงสัยว่า ทำไม๊ทำไมเค้าไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง และไม่ได้ขึ้นเงินเดือนเลย

เช้าวันหนึ่งเค้าตัดสินใจเข้าไปพบผู้จัดการแผนกบุคคลและคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อฝ่ายบุคคลได้ฟังข้อสงสัยของเค้า จึงได้หัวเราะเชิญให้เค้านั่งลงและพูดว่า
บุคคล : นี่คุณ คุณจะให้ผมขึ้นเงินเดือนให้คุณได้ยังไง ในเมื่อคุณไม่ได้ทำงานที่นี่เลยแม้แต่วันเดียว

ชายหนุ่ม: ได้ยินดังนั้นก็ตกใจมาก แต่ฝ่ายบุคคลก็ยังคงใจเย็นและอธิบายต่อไป

บุคคล : ไหนคุณตอบคำถามผมหน่อยสิ ในหนึ่งปีมีกี่วัน

ชายหนุ่ม : 365 วัน และบางปีก็ 366 วันครับ

บุคคล : แล้วในหนึ่งวันมีกี่ชั่วโมง

ชายหนุ่ม : 24 ชั่วโมง

บุคคล : แล้วในหนึ่งวัน คุณทำงานกี่ชั่วโมง

ชายหนุ่ม : 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น มีพัก 1 ชั่วโมง ..........ทำ 8 ชั่วโมงครับ

บุคคล : อาฮะ .... แสดงว่า คุณทำงานเท่าไหร่ต่อหนึ่งวัน

ชายหนุ่ม : ก็ทำ 8/24 ชั่วโมง ก็แปลว่า 1/3 ก็คือทำงาน 1 ใน 3 ของวันครับผม

บุคคล : โอเคขอบคุณมาก งั้นลองมาคิดต่อนะ คุณทำงาน 1 ใน 3 ของ 366 วันแสดงว่าคุณทำงานกี่วัน

ชายหนุ่ม : 1 ปี ผมทำงาน 122 วันครับ (366 หาร 3 = 122 วัน)

บุคคล : เอาล่ะ ปกติคุณมาทำงานวันเสาร์อาทิตย์ด้วยรึเปล่า

ชายหนุ่ม : ไม่ได้มาครับ

บุคคล : แล้วปีหนึ่งมีวันหยุดสุดสัปดาห์กี่วัน

ชายหนุ่ม : มีวันเสาร์ 52 วัน วันอาทิตย์ 52 วัน รวมเป็น 104 วันครับ

บุคคล : 1 ปี คุณว่าคุณทำงานจริง 122 วัน แต่มีเสาร์อาทิตย์อีก 104 วัน งั้นตกลงคุณทำงานกี่วัน

ชายหนุ่ม : 122 - 104 = 18 วันครับ (เสียงเริ่มอ่อย)

บุคคล : โอเค .. ปกติผมอนุญาตให้คุณลาป่วยได้ปีละ 2 อาทิตย์ ซึ่งก็คือ 14 วัน ตกลงตอนนี้คุณเหลือเวลาทำงานกี่วัน

ชายหนุ่ม : 18 - 14 = 4 วันครับ

บุคคล : แล้ววันปีใหม่คุณมาทำงานมั๊ย

ชายหนุ่ม : ไม่ครับ

บุคคล : วันแรงงานล่ะ

ชายหนุ่ม : ไม่ครับ

บุคคล : ตกลงเหลือกี่วัน

ชายหนุ่ม : 2 วันครับ

บุคคล : วันพ่อมาทำงานมั๊ย

ชายหนุ่ม : ไม่มาครับ

บุคคล : ตกลงเหลือกี่วันแล้ว

ชายหนุ่ม : 1 วันครับ

บุคคล : แล้ววันแม่ล่ะ หยุดมั๊ย

ชายหนุ่ม : หยุดครับ

บุคคล : ตกลงปีนึงคุณทำงานให้บริษัทกี่วันเนี๊ยะ

ชายหนุ่ม : ไม่ได้ทำเลยครับ!!!

บุคคล : อ้าว !! .. แล้วนี่คุณจะมาเรียกร้องอะไรอีกเนี๊ยะ

ชายหนุ่ม : ผมเข้าใจแล้วครับ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าทุกวันนี้ เงินเดือนที่ผมได้ เหมือนกับขโมยบริษัทมาเปล่าๆเลยครับ


แ ค่ นั้ น

แ ค่ นั้ น เ อ ง '

วิธีการคิดเมื่อเกิดอาการน้อยใจเพื่อให้ใจเป็นสุข

วิธีการคิดเมื่อเกิดอาการน้อยใจเพื่อให้ใจเป็นสุข


คนเราทุกคนย่อมต้องเคยอาการน้อยใจด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม
เมื่อเกิดอาการน้อยใจขึ้นมาแล้ว ก็ทำให้เป็นทุกข์ ไม่มีความสุข เครียด ปวดหัวตามมาอีก ไม่ดีกับสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง นั่นคือคนที่มีอาการน้อยใจ แล้วคนที่ทำให้น้อยใจล่ะ เคยคิดมั้ยว่าบางทีเราก็เป็นต้นเหตุของความน้อยใจนั้น

แล้วจะทำอย่างไรให้หายน้อยใจล่ะ ก็เกิดความเครียดขึ้นอีก เห็นมั้ยคะว่าอาการน้อยใจเนี่ย ทำให้เกิดความทุกข์ได้ทั้งกับคนที่น้อยใจ และคนที่เป็นต้นเหตุให้น้อยใจด้วยค่ะ

อาการน้อยใจ นั้นเป็นอารมณ์ที่ผ่านเข้ามา และจะผ่านออกไป แต่ต้องใช้เวลา อาการน้อยใจเกิดขึ้นได้จาก ความคาดหวัง และความผิดหวัง ซึ่งไม่รุนแรงจนถึงขั้นเสียใจสุดๆ แต่ก็ทำให้เกิดอาการตึงเครียดกันได้

เมื่อเรารู้ถึงสาเหตุที่ทำให้น้อยใจแล้ว เราก็สามารถหาทางแก้ไขอาการน้อยใจนี้ได้ โดยเราจะต้องยอมรับความจริงว่า ไม่มีใครที่จะทำตามใจเราได้ทุกอย่างเสมอไป เราไม่ควรคาดหวังในตัวคนอื่นให้มากนัก เมื่อเค้าทำไม่ได้ดั่งใจเรา เรากจะได้ไม่รู้สึกว่าน้อยใจ เพราะเราไม่ได้คาดหวังว่าเค้าจะทำได้ เป็นต้น


ยังไงซะ คำนี้ก็ยังใช้ได้ในการดำเนินชีวิต คิดบวก ชีวิตก็บวก นะคะ

ความรู้จากแพทย์จีน

ความรู้จากแพทย์จีน

อาจารย์ท่านแนะนำเคล็ดลับไว้ 12 ข้อดังต่อไปนี้...


1. หวีผมบ่อยๆ:

หวีผมเบาๆ บ่อยหน่อยช่วยให้ตาสว่าง และรากผมแข็งแรง (ใช้หวีซี่ห่างหน่อย
แปรงเบาหน่อย เพื่อกันผมหลุด)


2.
ถูใบหน้าบ่อยๆ:
ล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ให้สะอาดก่อน หลังจากนั้นใช้ฝ่ามือ 2
ข้างถูหน้าเบาๆ บ่อยหน่อยเพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ใบหน้าเปล่งปลั่ง


3.
เคลื่อนไหวดวงตาบ่อยๆ:
ให้มองไกล-มองใกล้ มองข้างนอก-ข้างใน มองบน-มองล่าง หลีกเลี่ยงการมอง
หรือจ้องอะไรนานๆโดยเฉพาะคนที่ทำงานคอมพิวเตอร์ควรพักสายตาด้วยการมองไกลอย่างน้อยทุกชั่วโมง


4.
กระตุ้นใบหูบ่อยๆ:
การดึงหู ดีดหู บีบหู ถูใบหูเบาๆ บ่อยหน่อย ช่วยบำรุงตานเถียน(จุดฝังเข็ม)
ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เก็บพลังงานของร่างกาย(ใต้สะดือ) สัมพันธ์กับไต ซึ่งเปิดทวารที่หู ทำให้แรงดี ป้องกันเสียงดังในหู หูตึง และอาการเวียนหัว


5.
ขบฟันบ่อยๆ:
ขบฟันเบาๆ บ่อยหน่อย(ไม่ใช่ขบแรงดังกรอดๆ) ช่วยให้ฟันแข็งแรง
และกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย


6.
ใช้ลิ้นดุนเพดานปากบ่อยๆ:
การใช้ปลายลิ้นกระตุ้นเพดานบนด้านหน้าเป็นการกระตุ้นจุดฝังเข็ม
เพื่อเชื่อมพลังลมปราณตู๋และเยิ่น ซึ่งเป็นเส้นควบคุมแนวกลางลำตัวส่วนหลัง และส่วนหน้าร่างกาย ทำให้เกิดการกระตุ้นการหลั่งสารน้ำ และน้ำลาย


7.
กลืนน้ำลายบ่อยๆ:
การกลืนน้ำลายบ่อยๆ ช่วยกระตุ้นพลังบริเวณคอหอย และกระตุ้นการย่อยอาหาร


8..
หมั่นขับของเสีย:
หมั่นขับของเสีย โดยเฉพาะดื่มน้ำให้พอ กินอาหารที่มีเส้นใย ออกกำลัง
เพื่อป้องกันท้องผูก เมื่อปวดปัสสาวะหรืออุจจาระให้ถ่ายทันที อย่ารอโดยไม่จำเป็น
การทิ้งของเสียไว้ในร่างกายนานเกินทำให้เกิดสารพิษ และการดูดซึม
สารพิษ (กลับเข้าสู่ร่างกาย) มากขึ้น ทำให้ป่วยง่าย


9.
ถูหรือนวดท้องบ่อยๆ:
ให้นวดท้องตามเข็มนาฬิกาเบาๆ เพื่อช่วยให้การขับถ่ายของเสียดีขึ้น


10.
ขมิบก้นบ่อยๆ:
การขมิบก้นบ่อยๆ ช่วยป้องกันริดสีดวงทวาร และท้องผูก


11.
เคลื่อนไหวทุกข้อ:
การอยู่นิ่งๆ หรืออยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานเกินไป ทำให้เกิดโรคได้ง่าย
ควรเคลื่อนไหวข้อต่างๆ ให้ครบทุกข้อกวัน ฝึกฝนการใช้กล้ามเนื้อและข้อให้สมดุล เช่น การฝึกชี่กง ไท้เก้ก โยคะ ฯลฯ


12.
ถูผิวหนังบ่อยๆ:
ใช้ฝ่ามือถูตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย คล้ายกับการถูตัวเวลาอาบน้ำ
มีส่วนช่วยให้เลือดและพลังไหล เวียนดี

เรียนเชิญท่านผู้อ่านลองนำไปปฏิบัติดู เพื่อสุขภาพ พลัง และลมปราณที่ดีไปนานๆ ครับ...
อาหาร 10 อย่างที่ไม่ควรกินมากเกินนำแนวคิดศาสตร์แพทย์แผนจีนมาวิเคราะห์โดยใช้หลักแพทย์แผนปัจจุบันประกอบ...
อาหารที่ไม่ควรกินมากเกิน หรือบ่อยเกินได้แก่...
1.
ไข่เยี่ยวม้า:
ไข่เยี่ยวม้ามีตะกั่วค่อนข้างสูง ตะกั่วทำให้การดูดซึมแคลเซียมน้อยลง กินบ่อยๆ
จะเสี่ยงโรคกระดูกโปร่งบาง และอาจได้รับพิษตะกั่วเช่น สมองเสื่อม เป็นหมัน ฯลฯ

2.
ปาท่องโก๋:
กระบวนการทำปาท่องโก๋มีการใช้สารส้ม ซึ่งมีตะกั่วปนเปื้อน ตะกั่วทำให้ไตทำงานหนักในการขับสารนี้ออกไป นอกจากนั้นยังทำให้คอแห้ง เจ็บคอง่าย โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคร้อนในได้ง่าย

3.
เนื้อย่าง:
กระบวนการรมไฟ ย่างไฟทำให้เกิดสารเบนโซไพรีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง

4.
ผักดอง:
ผักดอง และของหมักเกลือทำให้ร่างกายได้รับเกลือโซเดียมสูง ถ้ากินบ่อยเกิน
หรือมากเกินจะทำให้หัวใจทำงานหนัก เกิดความดันเลือดสูงและโรคหัวใจได้ง่าย
นอกจากนั้นกระบวนการหมักดองยังทำให้เกิด สารแอมโมเนียมไนไตรด์ ซึ่งเป็นสาร ก่อมะเร็ง

5.
ตับหมู:
ตับหมูมีโคเลสเตอรอลสูง การกินตับหมูบ่อยเกิน หรือมากเกินทำให้เสี่ยงต่อโรคหัวใจ เส้นเลือดสมอง(อัมพฤกษ์-อัมพาต) และโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น

6.
ผักขม ปวยเล้ง:
ผักขมและปวยเล้งมีสารอาหารสูง ทว่า... มีกรดออกซาเลตมาก ทำให้เกิดการขับสังกะสี และแคลเซียมออกจากร่างกายมาก การกินบ่อยเกิน หรือมากเกินอาจทำให้เกิดภาวะขาดแคลเซียม หรือสังกะสีได้

7.
บะหมี่สำเร็จรูป:
บะหมี่สำเร็จรูปมีสารกัดบูด สารแต่งรสค่อนข้างสูง และมีคุณค่าทางอาหารต่ำ
การกินบะหมี่สำเร็จรูปมากเกิน หรือบ่อยเกินอาจทำให้เสี่ยงต่อโรคขาดอาหาร และการสะสมสารพิษได้

8.
เมล็ดทานตะวัน:
เมล็ดทานตะวันมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ทว่า... การกินมากเกิน หรือบ่อยเกินอาจทำให้กระบวนการเคมี (metabolism) ในร่างกายผิดปกติ ทำให้เกิดการสะสมไขมันในตับ ภาวะไขมันในตับสูงอาจทำให้เสี่ยงต่อโรคตับ เช่น ตับแข็ง ฯลฯ เพิ่มขึ้น

9.
เต้าหู้หมัก เต้าหู้ยี้:
กระบวนการหมักเต้าหู้อาจมีการปนเปื้อนเชื้อโรคได้ง่าย...
ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อคนสูงอายุ หรือเด็กเล็กได้ นอกจากนี้กระบวนการผลิตยังทำให้เกิดไฮโดรเจนซัลไฟด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย

10.
ผงชูรส:
คนเราไม่ควรกินผงชูรสเกินวันละ 6 กรัม หรือประมาณ 1 ช้อนชา...
การกินผงชูรสมากเกิน หรือบ่อยเกิน ทำให้เกิดภาวะกรดกลูตามิกในเลือดสูงอาจทำให้ปวดหัว ใจสั่น คลื่นไส้ และมีผลเสียต่ออวัยวะสืบพันธุ์

ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีอาหารปลอดภัย และมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ



FW

สิ่งที่ฉันมี มันคือมิตรภาพ

สิ่งที่ฉันมี มันคือมิตรภาพ


เสื้อของฉัน . . . ไม่ได้มีไว้ห้อหุ้มร่างกายของฉันเพียงอย่างเดียว


มันพร้อมจะเป็นที่เช็ดน้ำตา และที่สั่งขี้มูกของเพื่อนถ้าเพื่อนต้องการ

แขนของฉัน . . . ไม่ได้มีไว้จูงหมาเดินเล่น

แต่มัน สามารถใช้ประคองเพื่อนเมื่อเพื่อนจะล้ม
แต่ถ้าเพื่อนล้มลงไปแล้ว . . .
ฉันก็ยังมีมืออีก 1 คู่ไว้ช่วยฉุดเพื่อนขึ้นมา
ปากของฉัน . . . ไม่ได้มีไว้เพื่อกินและพูดพล่ามทั้งวันหรอกนะ

แต่มีไว้พูดให้กำลังใจเพื่อนด้วยเมื่อถึงเวลาจำเป็น
ตาของฉัน . . . มีไว้เพียงเพื่อกระพริบขึ้นลงเสียเมื่อไหร่

ฉันเอาไว้ใช้มัน มองสิ่งดีๆในตัวเพื่อนด้วยต่างหาก
ฟันของฉัน . . . ก็ไม่ได้มีไว้กัดใครๆเขา

แต่มีไว้เพื่อจะใช้มันประดับเหงือก ทุกครั้งฉันยิ้มให้เพื่อน
หูของฉัน . . . ก็ไม่ได้มีไว้เพื่อเจาะรูแขวนเครื่องประดับ

แต่มันใช้ฟังเพื่อน เมื่อเพื่อนต้องการระบายอะไรออกมาให้ฉันฟัง
เท้าของฉัน . . . ไม่ได้มีไว้สะสมกลิ่น... โอเค ถึงแม้มันอาจจะมีบ้าง

แต่ฉันจะใช้เท้า เพื่อเดินอยู่ข้างๆเพื่อนนี่แหละ จะไม่ไปไหนไกล
สมองของฉัน . . . อาจไม่ค่อยมีประโยชน์เวลาสอบนักก็จริง

แต่มันจะทำงานหนัก เมื่อเพื่อนต้องการความช่วยเหลือ
ส่วนพวกตับ ไต ไส้ กระเพาะ ม้าม เซี่ยงจี๊ ของฉัน . . .

มันมีไว้ทำหน้าที่ของมันน่ะ
แต่ถ้าเพื่อนต้องการอย่างรีบด่วน
ฉันยินดีสละให้ (อย่างละครึ่งเท่านั้นนะ!!)
และหัวใจของฉัน . . . ก็ไม่ได้มีไว้สูบฉีดเลือดเพียงอย่างเดียว

แต่มันทำหน้าที่เก็บเพื่อนไว้ข้างในได้ด้วย. . .

แง่คิดจากผีเสื้อ

แง่คิดจากผีเสื้อ


ชายคนหนึ่งพบรังไหมของตัวอ่อนผีเสื้อ
เขาเฝ้าจับตาความคืบหน้ามาตลอด
กระทั่งได้เห็นรอยปริขนาดเล็กปรากฏอยู่ที่ผิวภายนอก


ชายคนนั้นจึงนั่งลงและเฝ้าจับตามองความคลื่อนไหว
ของตัวอ่อนผีเสื้ออยู่นานหลายชั่วโมง
เขาเห็นมันพยายามดิ้นรนจะพ้นจากช่องเล็กๆของรังไหมให้ได้
แต่เมื่อไม่สำเร็จ เจ้าตัวน้อยก็หยุดการเคลื่อนไหว
เหมือนจะยอมรับว่า ไม่อาจขืนทำอะไรไปมากกว่านั้น
เมื่อตัดสินใจได้ว่าจะช่วยตัวอ่อนแล้ว..
ชายคนนั้นจึงหยิบกรรไกรขึ้นมาตัดเปิดช่องรังไหม
จนกว้างพอที่ตัวอ่อนจะสามารถออกมาได้อย่างง่ายดาย
ตัวอ่อนผีเสื้อน้อยจึงออกมาเผชิญโลกทั้งสภาพร่างกายบวมกลม
ตรงข้ามกับปีกที่มีขนาดเล็กนิดเดียว !

แต่เขาก็เฝ้าจับตามองตัวอ่อนนั้นต่อไป
ด้วยความหวังว่าอีกไม่ช้าปีกของมันจะขยายใหญ่ขึ้น
และแข็งแรงพอจะพยุงร่างกายมันได้เมื่อถึงเวลาอันควร
แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง !
ผีเสื้อน้อยต้องเดิน และคลานไปมาทั้งชีวิต
ด้วยสภาพร่างกายบวมกลม และ ปีกแห้งเล็กที่ไม่มีโอกาสจะบินได้
ภายใต้การดูแลอย่างอ่อนโยนของชายผู้หวังดี

สิ่งที่ชายคนนี้ไม่เคยเข้าใจก็คือ ธรรมชาติได้กำหนดมาแล้วว่า
ตัวอ่อนจะออกไปเผชิญโลกได้ ก็ต่อเมื่อของเหลวในร่างกายลดน้อยลง
จนลำตัวมีขนาดสมดุลกับปีกเท่านั้น จึงจะสามารถลอดออกจากช่องว่างขนาดเล็กของรังไหมได้สำเร็จ
และถ้าตัวอ่อนได้ผ่านการดิ้นรนจนถึงเวลานั้น
มันจึงจะเติบโตเป็นผีเสื้อที่พร้อมโบกบินจากรังได้อย่างอิสระโดยแท้
การมีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องผ่านอุปสรรคใด ๆ เลย จึงมีแต่จะทำให้เราพิการและไม่แข็งแรง

การดิ้นรนฝ่าฟันอุปสรรคต่างหาก ที่เป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินชีวิต ซึ่งจะช่วยให้เรายืนหยัดอยู่ได้อย่างแข็งแกร่ง
เพราะอย่างนั้นภูมิใจกับการดิ้นรนในวันนี้เถอะ ถ้าคุณหวังจะไปให้ถึงวันดีๆ ของชีวิตที่สามารถโบยบินได้อย่างเสรี...

ขำขัน :การ์ตูน ขำขำ

ขำขัน :การ์ตูน ขำขำ

คำทำนาย ทายนิสัยจากการแสดงออก

คำทำนาย ทายนิสัยจากการแสดงออก


  • ชอบกอดหรือสัมผัส : แสดง ว่าเป็นคนหัวทันสมัย มั่นใจในตัวเอง ถ้ารักใครก็ตรงดิ่งไปบอกเค้าว่ารักได้เลยโดยไม่กังวลว่าอีกฝ่ายจะรับได้หรือ เปล่า เอาแต่ใจตัวเองไปสักหน่อยแต่ก็เป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี
  • ซื้อของให้บ่อย ๆ : จะเป็นพวกเวลารักใครแล้วยกทุกอย่างในชีวิตให้ได้เลย มักจะให้ความสำคัญกับคนรอบข้างเสมอ และไม่ชอบความพลุกพล่าน
  • ใช้ฮัลโหลโทรฯ สื่อสาร : แสดง ว่าเค้าเป็นคนขี้เหงาสักหน่อย ถึงแม้ภายนอกจะดูเข้มแข็งแต่ภายในอ่อนไหวสุด ๆ เป็นคนคิดมาก เวลามีรักก็ทุ่มให้ทุกอย่าง มีความละเอียดอ่อนแต่บางทีก็จู้จี้จุกจิกไปบ้าง
  • มีเรื่องมาเซอร์ไพร้ส์บ่อย : แสดง ว่าเป็นคนมีเสน่ห์ เป็นนักวางแผนชั้นเยี่ยม ฉลาด บางทีเค้าอาจจะดูแปลก ๆ เข้าใจยากไปสักหน่อย แต่ก็มีเพื่อนมากเพราะเค้าให้ความสำคัญกับมิตรภาพเป็นพิเศษ
  • ชอบพูดให้กำลังใจและห่วงใยเสมอ : เค้า จะเป็นคนจิตใจดี หวังดี ให้ความสำคัญกับจิตใจ ดูเป็นผู้ใหญ่ใจดีที่อบอุ่น ใครเป็นแฟนอาจต้องระวังสักนิดเพราะมักจะมีเด็กมาติดพันเค้าเสมอ เค้ายังช่วยแก้ปัญหาให้เพื่อน ๆ ได้บ่อยครั้งด้วย
  • ชอบให้ของที่ประดิดประดอยด้วยตัวเอง : เค้า จะเป็นคนใส่ใจในความรู้สึกและยึดการกระทำมากกว่าคำพูด มีความเป็นตัวของตัวเองสูง เกลียดความฉาบฉวย มีความละเอียดอ่อน รักสันโดษ บางครั้งขี้เหงา
  • ชอบชวนแฟนไปโน่นมานี่ด้วย : เค้า ออกจะเป็นคนขี้เบื่อ เป็นพวกไฮเปอร์ มีความคล่องแคล่ว ทำอะไรรวดเร็วฉับไว เป็นนักสังคมตัวยง มีมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม มีเพื่อนเยอะ
  • เจ้าบุญทุ่ม ใจสปอร์ต จ่ายให้บ่อย ๆ : เค้า เป็นคนขี้กลัว ขาดความมั่นใจในตัวเอง คบใครก็มักจะกังวลว่าเค้าจะไม่ชอบขี้หน้า ถึงแม้จะมีคนรายล้อมรอบตัวไปหมด แต่เค้าก็จะไม่มีเพื่อนแท้ ไม่กล้าระบายปัญหาให้ใครฟัง ทำให้ดูไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่นัก
  • ชอบแอบทำโน่นนี่ให้ประทับใจ : แสดง ว่าเค้าเป็นคนมีจิตใจดี ชอบการให้ ถึงแม้จะมีโลกส่วนตัว แต่เป็นคนมองโลกในแง่ดีจึงมักไม่ค่อยมีความทุกข์ เค้าจึงมักจะเป็นที่รักและชื่นชอบของผู้คน (เอ้.. ข้อนี้ ต่างจากการทำเซอร์ไพร์สมั้ยหว่า)
  • ส่งอีเมล จดหมาย หรือส่งช็อตแมสเซสไปหาเป็นประจำ : เค้า เป็นคนขี้อาย ขี้กลัว เป็นคนคิดมากแถมยังไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองเท่าไหร่ แต่เป็นคนจิตใจดี ไม่ชอบต่อสู้แย่งชิง รักสงบ และไม่ค่อยทะเยอทะยาน
  • พวกปากหวานบอกรักทั้งวันทั้งคืน : แสดง ว่าเค้าเป็นคนจริงใจ เปิดเผย ในใจคิดอะไรก็พูดออกไปอย่างนั้น เก็บความลับไม่อยู่ มีเสน่ห์ มั่นใจในตัวเอง ไม่ค่อยแคร์กับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่บางทีก็มีอารมณ์อ่อนไหวและละเอียดอ่อน มาก อย่าแปลกใจถ้าเห็นเค้าหงุดหงิดกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
  • แต่ถ้าเป็นพวกที่ไม่แสดงออกอย่างชัดเจน : แสดง ว่าเค้าเป็นพวกลึกลับ เข้าใจยากและขี้กลัว บางครั้งสิ่งที่แสดงออกมาจะดูมาดมั่นมากแต่จริง ๆ เป็นคนอ่อนไหว เป็นคนออกจะเก็บตัว คิดมากและไม่ชอบแสดงออก เรื่องการแสดงออก ก็มีส่วนรู้นิสัยใจคอได้เหมือนกัน นะคะ ^-^

กำลังใจดีๆ ให้ตัวเอง

กำลังใจดีๆ ให้ตัวเอง

.. ไม่มีใครเกิดมาไร้ค่า แม้แต่คนโง่ที่สุดยังฉลาดในบางเรื่อง
และคนฉลาดที่สุด ก็ยังโง่ในหลายเรื่อง ..

.. ไม่มีอะไรเสียเวลาไปมากกว่า การคิดที่จะย้อนกลับไปแก้ไขอดีต
ไม่เคยมีอะไรช้าเกินไป ที่จะทำใหสิ่งที่ตนฝัน ..

.. คนที่ไม่เคยหิว ย่อมไม่ซาบซึ้งรสของความอิ่ม
ความสำเร็จที่ผ่านความล้มเหลว ย่อมหอมหวานกว่าเดิม ..

.. อันตรายที่สุดของชีวิตคนเราคือ การคาดหวัง อย่ายอมแพ้ ถ้ายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่

เหตุผลขอคนๆ หนึ่ง อาจไม่ใช่เหตุผลของคนอีกคนนึง ถ้าคุณไม่ลองก้าว คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่า ทางข้างหน้าเป็นอย่างไร

ปัญหาทุกอย่างล้วนอยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้น

ยินดีกับสิ่งที่ได้มา และยอมรับกับสิ่งที่เสียไป

หลังพายุผ่านไป ฟ้าย่อมสดใสเสมอ

มีแต่วันนี้ที่มีค่า ไม่มีวันหน้า วันหลัง ..

.. คนเรา ไม่ต้องเก่งไปทุกอย่าง
แต่จงสนุกกับงานทุกชิ้น ที่ได้ทำ ..

หัวใจของการเดินทางไม่ได้อยู่ที่จุดหมาย หากอยู่ที่ประสบการณ์สองข้างทาง .. มากกว่า

ความรู้เล็กๆน้อยๆ ขอโทษอย่างไรให้ได้ผล

ความรู้เล็กๆน้อยๆ ขอโทษอย่างไรให้ได้ผล


คำว่าขอโทษพูดง่าย แต่จะให้พูดแบบจริงใจนั้น ทำยาก
มีข้อคิดดีๆ มาให้อ่านกัน

คิดก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น
: และเราทำอะไรผิดถึงต้องขอโทษ

เขียนลงกระดาษ : เขียนลงไปให้หมด ว่าเราต้องขอโทษอย่างไร และเรื่องอะไรบ้าง
เตรียมตัวให้ดี : วิธีเตรียมตัวง่ายๆคือ ฝึกซ้อมหน้ากระจก
ชี้ให้ชัด : คำพูดที่เราเตรียมไว้นั้น ต้องกระจ่างแจ้งชัดเจน ตรงประเด็น อย่าอ้อมค้อม
อย่าแก้ตัว : ห้ามหาข้ออ้าง หรือแก้ตัวโดยเด็ดขาด
ฟังอีกฝ่าย : ฟังหรือยอมรับปฏิกิริยาจากอีกฝ่าย
ข้อนี้สำคัญที่สุด : อย่าปล่อยเวลาที่ทะเลาะ หรือบาดหมางกัน นานเกินแก้ไข

"ความรัก" & "ความใส่ใจ"

"ความรัก" & "ความใส่ใจ"




คำที่ใช้แทนคำว่า "ความรัก" ได้ดีที่สุด น่าจะเป็นคำว่"ใส่ใจ"

หากคุณคิดที่จะบอกรัก หรือรู้สึกว่าตัวเองเริ่มที่จะรักใครซักคน ลองถามตัวเองดูว่า คุณใส่ใจเค้ามากน้อยแค่ไหน?ความใส่ใจ ไม่ใช่ ความเอาใจ




หากคนรักของคุณจำได้ขึ้นใจว่า คุณเคยพูดว่าอยากได้อะไร แล้วเค้าหาซื้อของชิ้นนั้นให้ ไม่ใช่สักแต่ว่าซื้อซื้อซื้อของเยอะแยะมากมาย เพื่อเอาใจ...นั่นแหละถึงเรียกว่า ความใส่ใจ




ความใส่ใจ ไม่ใช่ ความหึงหวง หากคนรักของคุณโทรหาคุณทุกคืนถามว่ากลับถึงบ้านหรือยัง เพียงเพราะเค้าเป็นห่วง ไม่ต้องการให้คุณได้รับอันตรายในยามดึก ไม่ใช่กลัวว่าคุณจะไปกับคนอื่น...นั่นแหละเรียกว่าความใส่ใจ




ความใส่ใจ ไม่ใช่ ความมีน้ำใจอย่างเดียว หากแต่มีความถนอมน้ำใจด้วย หากคนรักของคุณทำอะไรเพื่อคุณซักอย่างด้วยความตั้งใจ แต่คุณกลับไม่ชอบมัน คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะพูดอะไรออกไป ใส่ใจในความรู้สึกของเค้าด้วย




หากคุณทะเลาะกับคนรัก แต่แล้ววันรุ่งขึ้น คนรักของคุณยังโทรมาแสดงความเป็นห่วงในเรื่องต่างๆ เหมือนทุกๆวัน ทั้งๆที่ยังไม่หายโกรธ...นั่นแหละเรียกว่าความใส่ใจ




หากคนรักของคุณยอมสละเวลาทำบางสิ่ง เอาไว้ทีหลัง
เพียงเพื่อช่วยทำในสิ่งที่คุณขอ...นั่นแหละเรียกว่า ความใส่ใจ คนเราบางครั้งก็ต้องการมีใครซักคนคอยใส่ใจเราบ้าง หากคุณต้องเดินทางไกล มันจะรู้สึกดีเอามากๆ
ถ้าคนรักของคุณโทรมาถามว่า "ถึงหรือยัง" "ปลอดภัยดีไหม" "เหนื่อยไหม"




หากคุณต้องปฏิบัติภาระกิจสำคัญไม่ว่าจะเรื่องงาน หรือเรื่องเรียน มันจะรู้สึกดีเอามากๆ ถ้าคนรักของคุณจำได้ และโทรมาบอกว่า"โชคดีนะ ชั้นจะคอยเป็นกำลังใจให้"

หากคุณต้องขับรถคนเดียว มันจะรู้สึกดีเอามากๆถ้าคนรักของคุณโทรมาบอกว่า "ขับรถดีๆนะ"หากคุณป่วยเป็นไข้ ไม่สบาย มันจะรู้สึกดีเอามากๆถ้าคนรักของคุณโทรมาเตือนให้คุณกินยา และพักผ่อนมากๆ




ความใส่ใจ กับ ความเกรงใจ คล้ายกันในหลายๆด้านคุณอาจคิดว่า ยิ่งคบกันสนิทสนมกันมากเท่าไหร่ ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันให้มากเหมือนคนที่เพิ่งเริ่มรู้จักกัน




แต่กลับไม่คิดอย่างนั้น ยิ่งสนิทกันมากเท่าไหร่ ต้องยิ่งเกรงใจซึ่งกันและกัน ความเกรงใจเป็นสิ่งดีและเป็นบ่อเกิดของความสัมพันธ์อันยั่งยืน คุณเห็นไหมล่ะว่า ไม่ยากเลยที่จะแสดงความใส่ใจต่อใครซักคน




เพียงแต่วันนี้ คุณใส่ใจคนรักของคุณแล้วหรือยัง?????

ความรัก..เปรียบเหมือนอะไรดีนะ?

ความรัก..เปรียบเหมือนอะไรดีนะ?





ความรักเหมือนลูกอม ตัวคุณเองก็รู้ว่ามันทำให้ฟันผุ แต่ด้วยรสชาติที่หวานและสีสันที่น่าทาน ทำให้ฟันของคุณต้องหลุดออกจากปากไปหลายซี่ แต่กระนั้นรสชาติของมันไม่เคยทำให้คุณเลิกได้เลย

ความรักเหมือนยาขม อันนี้ได้ยินมานานแล้ว เวลาที่ร่างกายเราป่วยอาการหนัก จำเป็นที่จะต้องกินมันเข้าไป ทั้งๆที่รู้ว่ามันขมแต่มันรักษาอาการป่วยได้ผลชะงัดนัก

ความรักเหมือนกาแฟ นี่ยากหน่อย สำหรับคนที่มีอายุหรืออยู่ในช่วงวัยทำงานจะเข้าใจเป็นอย่างดีถึงความจำเป็นและเสน่ห์ของมัน กาแฟมีหลายยี่ห้อ และหลายรูปแบบอยู่ที่รสนิยมของผู้ทานว่าต้องการปรุงแต่งให้มันอยู่ในรสชาติไหน

ความรักเหมือนข้าวสวย หากคุณมีกับข้าวแสนอร่อย ที่คุณโปรดและน่าทานทุกอยู่บนโต๊ะชีวิตของคุณ แต่หากขาดข้าวสวยหอมกรุ่นสัก 1 จานลองคิดดูว่า กับข้าวของคุณมันจะอร่อยได้มากสักแค่ไหน

ความรักเหมือนแมวเหมียว หากคุณดันไปข้างหน้า มันจะฝืนไปข้างหลัง หากคุณกดตัวมันลง มันจะพยายามยืนขึ้น แต่ถ้าหากคุณอยู่เฉยๆมันจะมาอ้อนคุณเอง

ความรักเหมือนน้ำแข็ง หากคุณเป็นไอเย็น มันก็จะยังคงรูปการเป็นน้ำแข็งตราบนานเท่านาน แต่เมื่อใดที่คุณเป็นไอร้อน มันจะละลายกลายเป็นของเหลวและค่อยๆละเหยไปในที่สุด

ความรักเหมือนรถแท๊กซี่ สามารถพาคุณไปได้ทุกที่หมาย ราคาจะเริ่มต้นเมื่อคุณเริ่มกำหนดจุดหมาย คุณจะไปในระยะทางที่ใกล้หรือไกล ก็ดูเงินตัวเองแล้วกัน

ความรักเหมือนระบบราชการอยากจะทำอะไรก็ยื่นหนังสือหรือคำร้องไปล่วงหน้านะ แล้วกลับบ้านไปนอนรออีก 3 เดือนเป็นอย่างต่ำ (อันนี้ล้อเล่นๆ)

ความรักเหมือนหมากฝรั่งตอนเคี้ยวแรกๆก็หวานดี แต่นานเข้าจืดสนิท

ความรักเหมือนวัตถุโบราณ หากแต่อายุใช้งานยิ่งนานเท่าไหร่ค่าของมันก็จะสูงมากขึ้นเท่านั้น

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ความรักของคุณเหมือนอาหารจานไหน

ความรักของคุณเหมือนอาหารจานไหน


ความรักของคุณเป็นแบบไหน ลองเลือกดูนะคะ
ความรักเหมือน…ส้มตำ : ของบ้าน ๆ ที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันและคิดว่ามันไม่น่ากิน แต่พอเอามารวมกันดันโดนซะได้…ก็เหมือนคนบางคนที่ไม่น่าจะเข้ากันได้ แต่ผ่านไปเป็นสิบ ๆ ปีก็ยังรักกันดีอยู่เลย ต่างกับบางคู่ที่ใคร ๆ คิดว่าก็น่าจะไปกันได้สวย แต่ไม่กี่เดือนก็ดันเตียงหักซะแล้ว

ความรักเหมือน…ปลาย่าง : มีโอเมก้า 3 ที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่ถ้ากินแบบไม่ระวังเราอาจถูกก้างปลาตำคอเอาได้ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เวลามี ความรัก ต้อง ใส่ใจทุกรายละเอียด ศึกษานิสัยใจคอของคนรักให้ดีเสียก่อน อย่าดูกันแต่ภายนอก เพราะก้างของปลานั้นซ่อนอยู่ภายใน เหมือนกับนิสัยห่วย ๆ ของคนรัก นั่นหล่ะที่มองแค่ภายนอกจะไม่มีทางรู้เลย

ความรักเหมือน…วาซาบิ : เวลาพิษรักวิ่งขึ้นจมูก เรานึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว แต่ถ้าทนซักพักความทรมานก็จะหายไปเอง สาว ๆ รักร้าวทั้งหลายจำไว้นะจ๊ะ

ความรักเหมือน…ต้มยำกุ้ง : ต่อ ให้อร่อยแค่ไหน แต่ถ้าทิ้งไว้จนจืดชืดก็ไม่มีใครอยากกิน ก็เหมือนคู่ที่รักกันนานจัด แต่ไม่ยอมแต่งงานเสียที รักมาราธอนแบบนี้ส่วนใหญ่มักจะไปไม่รอด เพราะอะ ๆ ที่เคยซี๊ดซ๊าดแซบอีหลี มันกร่อยไปหมดแล้ว

ความรักเหมือน…ข้าวหลาม : ถ้าไม่ผ่ากระบอกออกก็จะไม่มีทางรู้ว่าข้างในเป็นอะไร เปรียบได้กับเจ้าสาวที่กลัวฝนทั้งหลายที่กลัว ความรัก กลัวการแต่งงานจนปิดโอกาสตัวเอง ไม่ยอมทดลองดูว่ารสชาติของการมีคนรักมันหวานมันขนาดไหน

ความรักเหมือน…ไอศกรีม : ทั้งสวยทั้งหอมดูไม่มีพิษภัย แต่ถ้ากินมากเกินไปความสวีตเกินพิกัดอาจพาไปจบที่โรคเบาหวาน… เป็นการเตือนนักรักทั้งหลายให้เสพรักอย่างพอเพียง รู้จักทิ้งระยะมีช่องว่างให้กันบ้าง ไม่อย่างนั้นจะเบื่อกันเร็วเกินไป

ความรักเหมือน…ทุเรียน : ถ้าอยากชิมเนื้อในที่หอมหวานก็ต้องยอมถูกหนามตำ อุปสรรคของ ความรัก ก็เหมือนหนามทุเรียน ถ้าเราอดทนและฝ่าฟันไปได้ เราก็จะได้ลิ้มรสหวานหอมอร่อยเริดเป็นรางวัล

ความรักเหมือน…โอเลี้ยง : ถึงจะดำดีสีไม่ตกแต่ก็หวานอร่อยถูกปาก เป็นข้อพิสูจน์ว่าคนที่ไม่สวยหล่อก็อาจเป็นแฟนที่ดีได้ ถ้าคุณให้โอกาสเขาพิสูจน์ตัวเอง

ความรักเหมือน…คากิ : หน้าตายั่วยวนแต่ไม่ควรกิน มิฉะนั้นอาจทำให้เส้นเลือดอุดตัน มีผลถึงสิ้นใจก่อนวัยอันควร …เปรียบได้กับกิ๊ก ถึงแม้รูปร่างหน้าตาของเธอจะชวนน้ำลายไหล แต่ถ้าเผลอกินเข้าไปเราอาจอายุไม่ยืน เพราะถ้าแฟนจับได้เราคงได้ชิมลีลาแม่ไม้มวยไทย ก่อนจะถูกหามไปสิ้นใจที่โรงพยาบาล (ใครเห็นด้วยกับข้อนี้ขอเสียงหน่อย…ฮิ้ว)

ความรักเหมือน…น้ำเปล่า : เปรียบเหมือน ความรัก ของ เพื่อนที่สะอาดบริสุทธิ์ เพราะไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส ไม่ต้องมีรูปร่างหน้าตายั่วยวน แต่ดีต่อสุขภาพและควรจะดื่มเป็นประจำ เพราะถ้าขาดการติดต่อนานเกินเดี๋ยวจะต่อกันไม่ติด

ความรักเหมือน…มะม่วงน้ำปลาหวาน : ต้องอยู่คู่กันถึงจะอร่อย …คนบางคนเกิดมาเพื่อจะอยู่ด้วยกัน และต้องจับคู่กันถึงจะลงตัวที่สุด ของแบบนี้เขาเรียกพรหมลิขิตค่ะพี่น้อง
ความรักเหมือน…น้ำพริกปลาทู : เป็นสมบัติประจำชาติและจะไม่มีวันหายไปจากโลกตลอดกาล

FW

คุณกำ..อะไรอยู่

คุณ "กำ" อะไรอยู่???



ครอบครัวที่น่ารักอยู่ครอบครัวหนึ่ง ในครอบครัวนี้มี พ่อ แม่ และบุตรชายวัย 5 ขวบกำลังน่ารักเลยทีเดียวเจ้าหนูเป็นเด็กที่ซนอย่างร้ายกาจและขี้สงสัยอย่างมาก
อยู่มาวันหนึ่งเจ้าหนูก้อนึกครึ้มอกครึ้มใจอย่างไรบอกไม่ถูกไปคว้าเอาแจกันหยกแกะสลักต้นราชวงศ์หมิง ซึ่งนั่นก้อหมายความว่ามันราคาแพงมากกก นำมาเล่นพลิกคว่ำพลิกหงาย สักพักก้อล้วงมือเข้าไปในแจกัน

ทันใดนั้นเจ้าหนูก้อทำตาโตเท่าไข่ห่านดูเหมือนจะดีใจที่ล้วงเข้าไปเจออะไรสักอย่างแต่ปัญหาหาอยู่ที่ว่า เจ้าหนูจะดึงมือออกมาได้อย่างไร้เจ้าหนูเริ่มกระสับกระส่ายพยายามดึงมือออกมาแต่ก้อไม่สำมะเร็จ จนต้องใช้ไม้ตายคือ
"ทำไม่ได้ร้องไห้ไว้ก่อน"

เสียงเอ็ดอึงเป็นผลให้พ่อและแม่ต้องวิ่งมาดู
เมื่อมาพบเข้าต่างก้อพยายามช่วยกันดึงมือของเจ้าหนูออกจากแจกันด้วยวิธีต่างๆ
น้ำมันก้อแล้ว น้ำสบู่ก้อแล้วทำอีท่าไหนก้อไม่ออก
จนสุดท้ายผู้เป็นพ่อต้องตัดใจทุบแจกันหยกราชวงศ์หมิงทิ้งเพื่อรักษามือของลูกชายเอาไว้

เมื่อมือของเจ้าหนูหลุดจากแจกันแล้วพ่อและแม่
ก้อพบว่ามือเจ้าหนูกำอะไรบางอย่างจนแน่น
ผู้เป็นแม่จึงถามลูกชายว่า
"หนูกำอะไรอยู่จ้ะลูก ?"

เจ้าหนูตอบพร้อมทำสีหน้าขึงขัง "
ผมปล่อยมันไม่ได้หรอกครับ

"แล้วมันคืออะไรจ้ะลูก?" ผู้เป็นพ่อเริ่มสงสัย "มันเป็นสตางค์ครับ" เจ้าหนูตอบพร้อมกับค่อยๆแบมือออกอย่างทนุถนอม
จึงปรากฏว่า
ในมือของเจ้าหนูมีเพียงเหรียญสลึงอยู่สองเหรียญ
เจ้าหนูหารู้ไม่ว่าการที่ เขาพยายามกำเหรียญเอาไว้ทำให้ครอบครัวต้องสูญเสียของมีค่ากว่าเป็นพันๆเท่า
แล้วเพื่อนๆ ล่ะ ขณะที่คุณกำลังใช้ชีวิตอยู่นี้ คุณกำลัง
"กำ"อะไรไว้ในชีวิตบ้าง
เงิน?
บ้าน?
งาน?
รถ?
ทิฐิ? ...

แล้วสิ่งที่คุณกำอยู่ทำให้คุณสูญเสียอะไรที่มีค่ามหาศาลไปบ้าง

เวลา....
ครอบครัว....
พ่อแม่.....
คนที่รักเรา.....
สวรรค์
แล้วคุณล่ะ "กำ"อะไรอยู่???





มาจาก: Forward Mail

เช็คเลย! ดวงวันเกิด 31 วัน เกิดวันไหน เป็นคนอย่างไร

เช็คเลย! ดวงวันเกิด 31 วัน เกิดวันไหน เป็นคนอย่างไร


ผู้ที่เกิดวันที่ 1

ขึ้นชื่อมาว่าเป็นเลขที่ "1" แล้ว ถือเป็นตัวเลขที่บอกให้รู้เลยว่า ไม่ว่าจะทำการสิ่งใดย่อมมีความมุ่งมั่นแรงกล้า ก้าวขึ้นมาเป็นที่หนึ่งอยู่เสมอ ๆ สำหรับคนที่เกิดวันที่ 1 นั้นถือได้ว่าเป็นนักบริหารตัวยง พร้อมจัดการในทุกสิ่งอย่าง มีความเป็นผู้นำที่มีคุณภาพ เป็นคนที่มีพลังในการทำงานและมีความมั่นใจในตัวเองอีกด้วย บางครั้งบางคราว คนที่เกิดวันที่ 1 ก็อาจจะมีนิสัยที่คิดเล็กคิดน้อยไปบ้าง แต่ก็จะใช้ความอดกลั้นที่มีสูง เป็นเครื่องเตือนให้จิตใจได้เย็นลงและมองสิ่งต่าง ๆ ในมุมที่ดีมากขึ้นนั่นเอง

ผู้ที่เกิดวันที่ 2

จุดเด่นหลัก ๆ เลยของผู้ที่เกิดในวันที่ 2 นี้ จะเป็นคนที่ค่อนข้างจะเซนซิทีฟอยู่ใช่เล่น มีเรื่องให้ต้องคิดมากหรือเสียอกเสียใจเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ขณะเดียวกันก็ถือเป็นคนที่ฉลาด หลักแหลมคนหนึ่งเลยด้วย คนที่เกิดวันที่ 2 ถือเป็นคนที่ผูกมิตรด้วยง่าย เพราะค่อนข้างจะมีมิตรสัมสัมพันธ์ที่ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็แปลกใจหรืออารมณ์เสียถ้าเขาหรือเธอที่เกิดวันนี้เกิดอาการแง่งอน หรือน้อยใจใส่คุณ เพราะอย่างที่บอกว่าเป็นคนที่ค่อนข้างเซนซิทีฟ ฉะนั้น การที่อยู่ดี ๆ เขาเกิดแปรปรวนทางอารมณ์ เดาใจไม่ถูก หรือทำท่าทำทางหงุดหงิดใส่ก็เป็นเรื่องที่ธรรมดา สุดท้ายแล้วยังไงก็เป็นคนที่เคลียร์ได้ง่าย ๆ แน่นอน

ผู้ที่เกิดวันที่ 3

ใครที่เกิดวันนี้บอกได้เลยว่าเป็นคนที่มีชีวิตชีวาที่ดีคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ จะเป็นคนที่ดูแลตัวเองได้ดีคนหนึ่ง จะหมั่นออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและดูดี แถมยังชอบบริหารจิตใจให้สดใสและร่าเริงอยู่เสมอ ๆ อีกด้วย จะว่าไป ผู้ที่เกิดวันที่ 3 จัดเป็นคนที่ค่อนข้างจะอยู่ไม่สุขนะ ชอบทำนู่น แต่พอนึกจะเรื่อย ๆ เอื่อยเฉื่อยขึ้นมา ก็เป็นมันซะงั้นงั้นดื้อ ๆ แต่ในอีกมุมหนึ่ง ผู้ที่เกิดวันที่ 3 เป็นคนที่กล้าแสดงออก และมักจะทำในสิ่งที่น่าประทับใจแก่คนรอบข้างอยู่เสมอ ๆ เป็นคนที่ใช้ภาษาเก่ง เขียนลายมือสวย พูดจาไพเราะ มีวาทศิลป์ เป็นที่รักใคร่ของใครหลาย ๆ คนอีกด้วย

ผู้ที่เกิดวันที่ 4

ความสามารถอย่างหนึ่งที่เป็นจุดเด่นสำคัญเลยกคือ การเป็นคนที่สามารถจัดการกับหลาย ๆ สิ่งหลาย ๆ อย่างได้แบบลงตัวเป๊ะ ๆ เป็นคนที่มีเหตุมีผล มีระเบียบวินัยในตัวเอง ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา อีกทั้งยังเป็นคนที่มุ่งมั่นและขยันขันแข็งกับเรื่องของหน้าที่การงานมาก ๆ อีกด้วย แต่ด้วยจุดเด่นส่วนนี้นี่เอง เลยทำให้คนที่เกิดวันที่ 4 นี้ดูเป็นคนที่ค่อนข้างจะดื้อและหัวรั้นอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ ชีวิตนี้ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง เป็นเรื่องธรรมดา

ผู้ที่เกิดวันที่ 5

เรื่องของความสามารถพิเศษ ความรู้รอบตัว การโน้มน้าวจิตใจคน การมีไอเดียดี ๆ ที่สดใหม่อยู่เสมอ และการเอนเตอร์เทนคนรอบข้าง ถือเป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัวของผู้ที่เกิดวันที่ 5 ทั้งสิ้น ลักษณะนิสัยโดยพื้นฐานแล้วนั้น คนที่เกิดวันที่ 5 ถือเป็นคนที่ชอบสิ่งใหม่ ๆ รอบตัวและชอบการเดินทางมาก ๆ ชนิดที่ว่าว่างเป็นไม่ได้ มีอันต้องวางแผนไปนู่นไปนี่อยู่เป็นประจำ นอกจากนั้นแล้ว ยังเป็นคนที่มีจิตนาการล้ำเลิศ ปรับตัวเข้ากับคนอื่น ๆ ได้ง่าย คิดเร็ว ทำเร็ว แถมยังรอบคอบมาก ๆ อีกด้วยนะเออ

ผู้ที่เกิดวันที่ 6

จะว่าไปแล้วนี่ ใครก็ตามที่เกิดวันที่ 6 ถือเป็นคนที่น่าคบหาด้วยมาก ๆ เลยจริง ๆ เพราะอะไรน่ะเหรอ? ง่าย ๆ เลยว่า คนที่เกิดวันที่ 6 เนี่ยเป็นคนที่ค่อนข้างจะจริงใจและเปิดเผยตัวเองสูง คือเป็นคนแบบไหนอะไรยังไงก็จะเปิดเผยออกไปแบบนั้น ไม่มีมาสร้างภาพหรือแอ๊บแบ๊วอะไรให้เกินงาม อีกทั้ง ยังเป็นคนที่แคร์ความรู้สึกคนอื่น ๆ อยู่เสมอ ๆ จะพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนฝูง หรือคนอื่น ๆ ถ้าใครมีปัญหาอะไรมา ก็สามารถระบายหรือขอคำปรึกษาได้นะจ๊ะ

ผู้ที่เกิดวันที่ 7

คนที่เกิดวันที่ 7 ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นคนที่ชอบในเรื่องของความสมบูรณ์แบบมาก ๆ แถมยังมีโลกส่วนตัวสูงอีกต่างหาก สำหรับใครที่เกิดวันนี้ถือเป็นคนช่างเลือก ซื้อของยาก และใช้เวลากับหลาย ๆ สิ่งแบบนานเอาเรื่อง ทั้งนี้ก็เพื่อให้ได้มาซึ่งหลาย ๆ อย่างให้ดูดีที่สุด แถมยังเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่ออะไรง่าย ๆ ด้วย และจะยึดเอาความรู้สึกของตัวเองเป็นที่ตั้งด้วย ฉะนั้น ใครจะมาโน้มน้าวใจคนที่เกิดวันนี้ล่ะก็ ขอบอกได้เลยว่า "ยากส์"

ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่ลักษณะนิสัยของคนที่เกิดวันที่ 7 เป็นแบบนี้ไม่ใช่ว่าเขาปรับตัวเข้ากับคนอื่น ๆ ยากหรือไม่เข้าใจโลกแต่อย่างใด เพียงแต่เขามองว่าเขามีความสามารถพอที่จะทำอะไรหลาย ๆ ด้วยตัวคนเดียวมากกว่า ซึ่งด้วยลักษณะนิสัยแบบนี้ การได้เป็นเจ้าคนนายคน หรือเป็นนายตัวเอง จะเป็นอะไรที่เข้าทางและเวิร์คมาก ๆ เลยล่ะจะบอกให้!!

ผู้ที่เกิดวันที่ 8

คนที่เกิดในวันนี้เนี่ย คือคนที่มีความคิดหรือความสามารถในการบริหารงานสูงมาก ๆ จะเป็นคนที่มีความคิดก้าวไกล หรืออัพเดตสิ่งใหม่ ๆ รอบตัวอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้ คนที่เกิดวันที่ 8 จึงเหมาะเหม็งมาก ๆ กับการมีธุรกิจส่วนตัวเป็นของตัวเอง เพราะคุณจะมีความสามารถในการจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างดีเยี่ยม และเด็ดขาดพอในการตัดสินใจเพื่อความก้าวหน้าทางธุรกิจของคุณเอง ซึ่งนั่นจะทำให้คุณได้กลายเป็นเศรษฐีหรือเศรษฐีนีไปแบบไม่รู้เนื้อรู้เลยก็ได้

ผู้ที่เกิดวันที่ 9

สำหรับคนที่เกิดในวันที่ 9 นี้ ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่หมดห่วงเรื่องเพื่อนหรือการผูกมิตรกับใครสักคนหนึ่ง เพราะใครก็ตามที่เกิดวันนี้ถือเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีมาก ๆ เพราะมีความเข้าอกเข้าใจผู้คนและความเป็นตัวตนของคนนั้น ๆ ได้ดีทีเดียว นอกจากนั้นแล้ว ยังถือเป็นคนที่มีจิตใจเมตตาอารี ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น แถมใจกว้างยิ่งกว่าแม่น้ำเจ้าพระยาซะด้วย ด้วยเหตุนี้จึงเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมคนที่เกิดวันที่ 9 จะมีเพื่อนหรือคนรอบข้างมากมายเต็มไปหมดขนาดนี้

ผู้ที่เกิดวันที่ 10

ใครที่เกิดวันนี้บอกได้เลยว่าเป็นคนที่รักความเป็นอิสระมาก ๆ ซึ่งหากจะมาบีบบังคับหรือร้องขอใด ๆ โดยที่ไม่ได้สมัครใจจะทำ ก็อย่าหวังจะเห็นคนที่เกิดวันนี้จะทำตามที่ขอ ๆ กันเลย นอกจากนั้นแล้ว คนที่เกิดวันนี้ยังถือเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงเอาเรื่อง แถมยังสามารถเรียกพลังและปลุกตัวเองให้มีชีวิตชีวาได้อยู่เสมอ ๆ ด้วย แต่จะว่าไปคุณเองก็เป็นคนที่เซนซิทีฟอยู่เหมือนกันนะเนี่ย แต่ดีหน่อยที่ยังสามารถอดทนอดกลั้นความรู้หรืออารมณ์นอย ๆ ของตัวเองได้ดี ก็เลยยังคอยให้เกิดการมองโลกในแง่ดีในง่ายมากขึ้น

ผู้ที่เกิดวันที่ 11

คุณเป็นช่างฝันถึงเรื่องต่าง ๆ นานา และเป็นคนที่มีไอเดียดี ๆ ผุดขึ้นมาอยู่เสมอ ๆ เลย คุณสามารถเข้ากับคนอื่น ๆ ได้ดีเพราะคุณรู้ถึงวิธีการใช้การพูดจาที่สุภาพ อ่อนโยน เข้ามาใช้ในการผูกมิตรกับคนอื่น ๆ แทนการใช้การกระทำที่บ้างดูจะไม่เหมาะไม่ควรสักเท่าไหร่ อีกทั้ง คุณยังให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมของทุกคนอีกด้วย ฉะนั้นเมื่อเห็นใครถูกรังแก หรือโดนเอารัดเอาเปรียบ คุณเองจะไม่ลังเลใจเลยที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเพื่อให้เกิดความยุติธรรมขึ้น

ทั้งนี้ทั้งนั้น ใครที่เกิดวันนี้ก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งด้วยว่า คุณเป็นคนที่อารมณ์แปรปรวนได้ง่ายเหมือนกัน แถมบางครั้งยังมีนิสัยชอบคิดมากกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วย แต่ก็อย่างที่บอกว่าคุณเป็นคนช่างฝัน ดังนั้น เมื่อคุณไม่สบายใจหรือเกิดอาการนอยขึ้นมา ไม่นานคุณเองก็จะมีเรื่องอื่น ๆ ที่ชวนให้แฮปปี้กว่า แล้วก็ยิ้มสู้ได้แบบง่าย ๆ แล้ว

ผู้ที่เกิดวันที่ 12

ใครที่เกิดวันนี้จะเป็นคนที่ชอบนำเรื่องราวดี ๆ หรือเรื่องที่ชวนให้กำลังใจเข้าสู่ชีวิตตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งนั่นจะเป็นผลดีที่ช่วยให้คุณได้ฟื้นตัวจากเรื่องแย่ ๆ ได้อย่างดีเยี่ยม เช่น ถ้าคุณมีเรื่องทุกข์ร้อนใจ ก็จะมองหาเรื่องราวดี ๆ มาอ่านเพื่อให้เกิดความสบายใจ หรือหากคุณนอนป่วยและรู้สึกแย่กับตัวเอง ก็จะมีการกระตุ้นตัวเองอยู่เสมอว่ามีคนที่อาการหนักกว่าคุณอยู่มาก แล้วนั่นจะทำให้คุณได้ลุกขั้นมาจากเตียงและหายจากอาการแย่ ๆ นั้นขึ้นมาทันที

ทั้งนี้ ด้วยความที่คุณชอบในเรื่องของการนำเรื่องดี ๆ มาสู่ชีวิตนั้น เลยทำให้คุณเป็นที่รักของคนรอบข้างด้วยเช่นกัน เพราะคุณมักจะแบ่งปันเรื่องราวดี ๆ ที่ได้พบได้เจอมาให้คนอื่น ๆ ได้รู้กันด้วย นอกจากนั้นแล้วคุณยังถือเป็นคนที่มีความสามารถในการใช้วาทศิลป์กับการเจรจาหรือการติดต่อเรื่องสำคัญ ๆ อีกด้วย

ผู้ที่เกิดวันที่ 13

ถ้าพูดถึงเรื่องของความขยันขันแข็ง การทุ่มเทเต็มที่ โดยเฉพาะในเรื่องของหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบและงานเพื่อส่วนรวม ความมีเหตุมีผล มั่นใจในความสามารถของตัวเอง ซื่อสัตย์ และมีความชัดเจนในตัวเองนั้น สิ่งต่าง ๆ ที่ได้กล่าวไปล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัวของคนที่เกิดในวันที่ 13 ทั้งสิ้น แต่ทว่า แม้ข้อดีจะมีมากมายขนาดนี้ ก็นำมาซึ่งข้อเสียได้เหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องของหน้าที่การงานนั้น ด้วยความที่คุณจริงจังด้วยมาก ๆ เลยอาจจะมีบ้างที่ทำให้คุณละเลยกับการรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น ๆ เพราะฉะนั้น ขยันไม่ว่าแต่อย่าจริงจังก้มหน้าก้มตาลุยงานลูกเดียว ไม่งั้นจะแย่เอานะจ๊ะ

ผู้ที่เกิดวันที่ 14

คนที่เกิดวันที่ 14 ถือเป็นคนที่มีความสามารถรอบตัวเยอะเหมือนกัน อีกทั้งยังเป็นคนที่เฮฮาสนุกสนานอีกด้วย นี่เองเลยทำให้คนรู้จักของคุณรักและอยากที่จะอยู่กับคุณกันมากมายนั่นเอง นอกจากนั้น คุณยังเป็นคนที่ชีพจรลงเท้าด้วย เพราะอย่าให้ได้มีเวลาว่างเชียว คุณจะรีบหาสถานที่ต่าง ๆ ออกนอกบ้านและไปเที่ยวเติมเต็มความสุขในทันทีเลยล่ะ (จริงไหม?)

ด้านอื่น ๆ ของคนที่เกิดวันที่ 14 ก็คือการเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี รู้จักการปรับตัวให้เข้ากับคนอื่น ๆ แถมยังหลักแหลมและมีเหตุมีผลพอสมควร ซึ่งถ้าใครมาง้องแง้ง ๆ ใส่คุณ คุณก็จะรีบเมินหน้าหนีทันที!

ผู้ที่เกิดวันที่ 15

คนที่เกิดวันนี้ถือเป็นคนอบอุ่นมาก ๆ คนหนึ่ง เพราะจะเป็นคนที่รักครอบครัวมาก ๆ ไม่ว่าจะมีอะไร ก็จะนึกถึงครอบครัวมาก่อนเป็นอันดับแรก เรื่องของบทบาทความเป็นผู้นำ การเอ็นเตอร์เทนคนรอบข้าง และแคร์ความรู้สึกคนอื่น ๆ อยู่เสมอ ๆ ล้วนแต่มีอยู่ในตัวของคนที่เกิดวันที่ 15 ทั้งสิ้น ถือได้ว่าคนที่เกิดวันนี้เป็นคนที่มีเหตุมีผล ไว้วางใจได้ และเป็นที่ปรึกษาที่ดีคนหนึ่งด้วย อย่างไรก็ดี ว่ากันว่าคนที่เกิดวันนี้ จะเป็นคนที่ช่างสังเกต ไม่ว่าจะเรื่องของการเรียนรู้และการดูแลเอาใจใส่คนรอบข้าง เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคนที่เกิดวันที่ 15 จึงเป็นที่รักของคนรอบข้างโดยเฉพาะคนในครอบครัวมากมายแบบนี้

ผู้ที่เกิดวันที่ 16

ใครที่เกิดวันนี้ ควรที่จะไปหาเพื่อนหรือหาคนรู้ใจอยู่เสมอ ๆ เพราะอะไรน่ะเหรอ บอกได้เลยว่า คนที่เกิดในวันที่ 16 เนี่ยเป็นคนขี้เหงาและเปล่าเปลี่ยวใจอยู่เรื่อย ๆ เสียจริง ๆ เลยเชียว เรียกได้ว่าอย่าได้มีโอกาสอยู่คนเดียวโดยเด็ดขาด เป็นอันต้องหันเข้ากระจกและนึกถึงแต่ความเหงาแน่นอน แต่พูดแบบนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ชีวิตอยู่คนเดียวไม่ได้นะ แค่อารมณ์แบบว่าเป็นคนที่ขี้เหงาง่ายก็เท่านั้นเอง แล้วก็เป็นเดี๋ยวเดียวด้วย ไม่ได้เป็นยาวตลอดวันตลอดคืนอะไรแบบนั้น

ลักษณะนิสัยด้านอื่น ๆ ของคนที่เกิดวันที่ 16 ก็มีมากมาย อาทิเช่น เป็นคนที่ค่อนข้างจะใจเย็นมาก ใช้เวลาคิดไตร่ตรองในเรื่องต่าง ๆ อยู่นานพอควร แต่ก็เข้าตำราที่ว่า "ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม" และก็จะไม่เปิดใจรับใครง่าย ๆ แต่ถ้าลองได้รู้จักหรือมาอยู่ใกล้ ๆ ก็จะรู้ได้ทันทีว่า คนที่เกิดในวันนี้ เป็นคนที่น่าคบหาด้วยมาก ๆ เลยนะเออ นอกจากนั้นแล้ว เรื่องของเทคโนโลยี หรืออะไรที่ต้องคิด วิเคราะห์หน่อย ๆ จะเป็นอะไรที่เข้าทางและถูกอกถูกใจคนที่เกิดวันนี้มาก ๆ ด้วยเช่นกัน

ผู้ที่เกิดวันที่ 17

เชื่อเถอะว่าคนที่เกิดวันนี้ชื่นชอบซะเหลือเกินเรื่องของการบริหารธุรกิจหรือการลงทุนแบบเห็นผลกำไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ว่าจะธุรกิจเล็ก - ใหญ่ คนที่เกิดวันนี้สนใจหมดเลย (แววร่ำรวยนี่พุ่งกระฉุดดีเหลือเกิน!) ที่สำคัญ ยังเป็นคนที่มีความสามารถในการจัดการบริหารสิ่งต่าง ๆ ได้ในระดับที่ดีเยี่ยมเลยด้วย เพราะฉะนั้นในเรื่องของการทำกิจการหรือธุรกิจใด ๆ ก็พุ่งฉิวแบบหายห่วง

และหากใครที่มองว่า เอ๊ะ! จะเป็นแค่เรื่องของความสนใจอย่างเดียวหรือเปล่า บอกได้เลยว่าไม่ใช่แค่นั้นแน่นอน เพราะคนที่เกิดวันนี้ จะตั้งเป้าหมายในการทำแต่ละอย่างไว้แบบชัดเจน แถมยังเริ่มต้นทำเพื่อให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาจริง ๆ อีกด้วย ซึ่งนี่รวมไปถึงการทำเรื่องอื่น ๆ ในชีวิตด้วยนะ ซึ่งนี่ล่ะถือเป็นจุดเด่นสำคัญของคนที่เกิดในวันที่ 17 นี้นั่นเอง

ผู้ที่เกิดวันที่ 18

ถือเป็นคนเก่ง ที่มีความสามารถมาก ๆ คนหนึ่งเลย เพราะคนที่เกิดในวันนี้ จะมีความสามารถในการควบคุมหรือโน้มน้าวคนอื่น ๆ ได้ดี สามารถพลักดันความสามารถของคนอื่น ๆ หรือกระตุ้นให้เกิดความมั่นใจในการทำสิ่งต่าง ๆ แบบเวิร์คมาก ๆ อีกทั้งยังเป็นคนที่มีนิสัยตรงไปตรงมา ถึงไหนถึงกัน แถมความสามารถเฉพาะตัวในเรื่องของการจัดการมากมายก็ไม่เป็นสองรองใครด้วย นี่เองจึงทำให้หลาย ๆ คนอยากที่จะร่วมง่านกับคนที่เกิดวันนี้กันให้พรึ่บ!

ผู้ที่เกิดวันที่ 19

การมีอำนาจ ความมั่นใจในตัวตัวเอง คือจุดเด่นหลัก ๆ ที่มีอยู่ในตัวของคนที่เกิดวันที่ 19 แต่บางครั้งก็เป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งในชีวิตอยู่บ่อยครั้ง เพราะคุณมักจะยึดเอาความคิดหรืออารมณ์ของตัวเองเป็นที่ประจำเลย แถมยังเป็นคนที่อารมณ์ร้าย โกรธง่ายมาก ๆ เลยด้วย ฉะนั้นแล้ว ใครที่เกิดวันนี้หรือเป็นแบบนี้อยู่ ก็ลองไปปรับปรุงในส่วนนี้ดู ชีวิตจะได้ไม่ต้องดราม่านะจ๊ะ

ผู้ที่เกิดวันที่ 20

สำหรับคนที่เกิดในวันที่ 20 นี้ เรื่องของสภาวะทางอารมณ์และความรู้สึกนึกคิด จะเป็นสิ่งที่คนที่เกิดวันที่ 20 ให้ความสำคัญค่อนข้างมากพอควร เรื่องของความเซนซิทีฟ การแคร์คนอื่น ๆ คือสิ่งที่มีอยู่ในตัวของคนที่เกิดในวันนี้ทั้งสิ้น คุณเป็นคนที่ผูกมิตรกับคนอื่น ๆ ได้ง่าย แถมพอถูกชะตากับใครแล้ว ก็จะมีความสนิทสนมกันอย่างรวดเร็วมาก ๆ เลยด้วย

ทั้งนี้เอง ใครที่เกิดในวันนี้จะปรับตัวเข้ากับคนอื่น ๆ ได้ดีด้วยเช่นกัน ซึ่งนั่นจะส่งผลดีต่อการทำงานร่วมกับคนอื่น ๆ แต่จะอย่างไรก็ดี เรื่องของอารมณ์เจ้ากรรมนี่ล่ะ ก็ยังเป็นจุดหนึ่งที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตอยู่ในน้อย เพราะบางทีก็มีอาการของอารมณ์ที่ขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่บ่อยครั้ง หรือไม่บางทีก็มีเรื่องที่อึกอัดใจ แต่พูดออกมาไม่ได้ จำต้องเก็บไว้คนเดียวก็มี ซึ่งนี่เองก็เลยทำให้บางครั้งบางคราว คุณก็เกิดความรู้สึกอึดอัดใจตัวเองมาก ๆ แถมยังสับสนคิดไม่ออกบอกไม่ถูกว่าควรจะเริ่มแก้ไขตรงไหนอะไรยังไงด้วย เพราะฉะนั้น ขอให้ใจเย็น ๆ เข้าไว้ ตั้งสติให้ดี แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง

ผู้ที่เกิดวันที่ 21

นี่ก็จะเป็นอีกหนึ่งคนที่จะเป็นคนที่ดูแลตัวเองได้ดีมาก ๆ คนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพร่างกายและสุภาพของจิตใจ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่จะให้ความสำคัญด้วยทั้งสิ้น คุณเป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ อารมณ์ดีและมีความสามารถในการสร้างความประทับใจให้แก่คนอื่น ๆ รอบตัวได้อยู่เสมอ แถมเมื่อรักใครแล้ว ก็จะรักแบบจริงจังไม่มีหลอกลวงอีกด้วยนะเออ ซึ่งแน่นอนว่านั่นเป็นสิ่งที่คนรอบข้างของคนที่เกิดวันที่ 21 นี้ชื่นชอบกันมากมายเหลือเกิน

ผู้ที่เกิดวันที่ 22

ลักษณะนิสัยเด่น ๆ ของคนที่เกิดในวันที่ 22 นี้ ก็คือเรื่องของความมีเหตุมีผลที่เป็นเลิศ ตามด้วยความรับผิดต่อหน้าที่ที่ได้รับ ที่จะทำส่วนนั้นได้ดีมาก ๆ แถมยังขยันขันแข็ง งานจะเล็กหรือใหญ่ก็สู้ไม่มีถอยเลยด้วย เป็นคนจริงใจและมีความตั้งใจจริงกับการทำสิ่งต่าง ๆ ซึ่งหากจะเรียกง่าย ๆ ก็อาจจะบอกได้ว่าคนที่เกิดวันที่ 22 นี้ เป็นคนที่มองโลกและอยู่ในโลกของความเป็นจริงอยู่พอสมควร ซึ่งแม้ว่าตรงนี้จะเป็นจุดดี แต่บางครั้งก็นำมาซึ่งความเครียดได้ด้วยเหมือนกัน เพราะไม่ค่อยจะปล่อยวางอะไรมากมายนัก ฉะนั้น อย่าเพิ่งไปเครียดอะไรมากมายเน้อ ใช้ชีวิตแบบพอดี ๆ เวิร์คที่สุดแล้ว

ผู้ที่เกิดวันที่ 23

ลักษณะนิสัยของคนที่เกิดวันนี้ จะคล้าย ๆ กับคนที่เกิดในวันที่ 14 กล่าวคือ เป็นคนที่เฮฮาสนุกสนาน มองโลกในแง่ดี มีจินตนาการในการใช้ชีวิต และรู้จักใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม ไม่เครียดหรือเอื่อยเฉื่อยกับชีวิตจนเกินไป คนรู้จักของคุณจะรักและอยากที่จะอยู่กับคุณมาก ๆ แถมคุณยังเป็นคนที่ชีพจรลงเท้าด้วย เวลาเมื่อไหร่ก็จะไปหาสถานที่ต่าง ๆ ออกนอกบ้านและไปเที่ยวเติมเต็มความสุขในทันที

ผู้ที่เกิดวันที่ 24

สิ่งหนึ่งที่แสดงออกอย่างชัดเจนสำหรับคนที่เกิดวันที่ 24 ก็คือเรื่องของความมีเหตุมีผลและการช่วยเหลือคนอื่น ๆ ด้วยความเต็มใจ อีกทั้งยังเป็นผู้ไกล่เกลี่ยที่ดีในยามที่เกิดเหตุคับขันอีกด้วย สิ่งสำคัญของคนรอบข้าง ที่คนที่เกิดในวันที่ 24 จะปกป้องและนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ ก็คือคนในครอบครัว ผองเพื่อน และคนใกล้ตัวทุกคน นอกจากนี้ เรื่องของความเซนซิทีฟ การขึ้น - ลงของสภาพอารมณ์ การคิดเล็กคิดน้อย ก็มีอยู่ในตัวของคนที่เกิดวันที่ 24 นี้ด้วยเหมือนกัน

ผู้ที่เกิดวันที่ 25

ความสนใจในเรื่องของเทคโนโลยี เรื่องราวเกี่ยววิทยาศาสตร์ หรือเรื่องที่ประเด็นน่าสนใจต่าง ๆ คือสิ่งที่คนเกิดในวันที่ 25 ชื่นชอบและให้ความสำคัญมาก ๆ ขณะที่ในด้านอื่น ๆ ก็เป็นในเรื่องของความมีเหตุมีผล การมีความคิดริเริ่ม และการมีความรับผิดชอบ ก็มีอยู่ในตัวของคนที่เกิดวันที่ 25 เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ดี ในบางครั้งบางคราว ก็จะได้เห็นคนที่เกิดวันนี้ นั่งเหมื่อลอยมองโน่นนี่ไปเรื่อยเหมือนกัน เพราะในเรื่องของสภาพจิตใจและความรู้สึกนึกคิดก็ถือเป็นสิ่งที่เดาใจได้ยากเหมือนกัน วันไหนนึกจะฮาขึ้นมาฮามาซะดื้อ ๆ แต่ลองวันไหนได้เศร้าจิตเศร้าใจสิ นั่งซึมอยู่อย่างนั้นทั้งวันเลยล่ะ

ผู้ที่เกิดวันที่ 26

ใครก็ตามที่เกิดในวันนี้ ถือเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมคนหนึ่ง และยังเป็นคนที่แคร์ความรู้สึกคนอื่น ๆ รอบตัวอยู่เสมอด้วย ซึ่งบางครั้งในการแคร์ความรู้สึกของคนรอบข้างนี่ล่ะ ก็อาจจะทำให้เกิดอาการคิดมากหรือนอย ๆ ขึ้นมาบ้าง นอกจากนั้นแล้ว คนที่เกิดวันที่ 26 ยังถือว่ามีดวงของการเป็นนักบริหารอีกด้วย เพราะถ้าลองได้หยิบจับธุรกิจอะไรดูแล้ว ก็มีท่าทีที่จะไปได้สวยมาก ๆ เลยล่ะ จะบอกให้!!

ผู้ที่เกิดวันที่ 27

คนที่เกิดวันที่ 27 นี้ เป็นที่มีอุปนิสัยใจคอที่ดี กล่าวคือเป็นเห็นแก่ประโยชน์ของส่วนร่วมเป็นหลัก สามารถทำงานหรือร่วมพูดคุยกับคนอื่น ๆ ได้ดี แต่ในมุมกลับกัน ก็มีบ้างเหมือนกัน ที่จะมีความรู้สึกของการอยากอยู่คนเดียว ได้คิดอะไรคนเดียว หรือเข้าโลกส่วนตัวบ้าง เพราะเหน็ดเหนื่อยมาจากการช่วยเหลือคนอื่น ๆ มามากแล้วนั่นเอง ด้านอื่น ๆ ที่เหลือ ก็จะมีทั้งเรื่อง การยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น จิตใจโอบอ้อมอารี เและการอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

ผู้ที่เกิดวันที่ 28

ใครที่เกิดวันนี้ คือบุคคลที่รักในความอิสระ แถมยังมีพละกำลังในการทำโน่นนี่นั่นมากมายอย่างล้นเหลือ อีกทั้ง ยังมีคุณสมบัติของความเป็นผู้นำที่มีคุณภาพ และมีความมั่นใจในตัวเองสูงพอสมควรเลยด้วย ขณะที่ ด้านหน้าที่การงานก็จะตั้งใจทำแบบสุดตัว ชนิดที่ว่าถ้างานยังไม่เสร็จ ก็ไม่ยอมกลับบ้านง่าย ๆ และด้วยความตั้งใจมาก ๆ นี่ล่ะ บางทีก็ทำให้ท้อจิตท้อใจได้ด้วยเหมือนกัน ถ้าเกิดทุกอย่างที่ได้ทำไปนั้น กลับไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ ก็อย่างว่าล่ะนะ คาดหวังมาก ก็เจ็บตัวมาก เป็นเรื่องธรรมดา

ผู้ที่เกิดวันที่ 29

เชื่อได้เลยว่าคนที่เกิดวัยที่ 29 นี้ถือเป็นคนช่างฝันคนหนึ่งเลย และมักจะะมีไอเดียใหม่ ๆ หรือแนวความคิดดี ๆ มาบอกกล่าวคนรอบตัวอยู่เสมอ ๆ เลยด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อมองกันดี ๆ แล้วก็จะรู้เลยว่า คนที่เกิดในวันนี้ เป็นคนค่อนข้างกลัวและไม่ค่อยกล้าเผชิญหน้ากับความเสี่ยงต่าง ๆ สักเท่าไหร่นัก ฉะนั้นแล้ว ถ้าหากได้ลองเปิดใจตัวเองในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ หรือลองทำในสิ่งที่ยังกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่นั้นดูบ้าง ก็จะช่วยให้ปัญหาตรงนั้น ลดน้อยลงไปได้มากพอสมควรเลยทีเดียวเชียว

ผู้ที่เกิดวันที่ 30

ง่าย ๆ สั้น ๆ เลยว่า คนที่เกิดวันที่ 30 นี้ เป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองที่สูงเอาเรื่องจริง ๆ และไม่ว่าจะทำอะไร ก็จะใช้ความมั่นของตัวเองนั่นเป็นที่ตั้งอยู่เสมอ ๆ แล้วยิ่งถ้าเรื่องไหนที่มั่นใจว่าตนเป็นฝ่ายถูกด้วยแล้ว ใครที่คิดจะค้านก็ล้มเลิกความคิดนั้นไปได้เลย นอกจากนี้ ยังถือเป็นคนที่มีการแสดงออกทางอารมณ์แบบเปิดเผยคนหนึ่งด้วย ไม่ว่าจะดีใจ เสียใจ โกรธ หรืออารมณ์ใด ๆ ก็ตาม ก็มักจะมีการแสดงออกมาให้เห้นกันอยู่เรื่อย ๆ เสมอ

ผู้ที่เกิดวันที่ 31

ปิดท้ายกับคนที่เกิดวันสุดท้ายของเดือนนี้ ลักษณะนิสัยเด่น ๆ เลยที่เห็นได้ชัดเจนก็คือการเป็นคนที่มีความสามารถในการจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้ดี เป็นคนใจเย็นและมีความอดกลั้นสูง สามารถทนกับความกดดันต่าง ๆ มากมายได้แบบสบาย ๆ แม้อาจจะเจอเรื่องที่หนักหนาไปบ้าง แต่ก็สามารถจัดการได้อย่างอยู่หมัด นอกจากนั้นแล้ว คนที่เกิดวันที่ 31 ยังเป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียดต่าง ๆ ได้ดีพอสมควรเลยด้วย ทั้งนี้ ก็ถือเป็นคนที่ชอบการเข้าสังคมด้วยเหมือนกัน ไม่ชอบที่จะอยู่ตัวคนเดียว ว่างเมื่อไหร่มีได้ชวนเพื่อนออกไปเที่ยวหรือไปทำกิจจกรรมต่าง ๆ อยู่เสมออีกต่างหาก