haha

วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2555

ขยะในใจ...

ทำไมบางคนถึงทุกข์ร้อน วิตกกังวล กระวนกระวาย ไม่สบายใจ ไม่ปลอดโปร่งอยู่เสมอ

คำตอบง่ายมาก เพราะเขาแบกความคิดและความรู้สึกหลายอย่างเอาไว้ ไม่ปลดปล่อย ไม่ปรับเปลี่ยน จนกระทั่งมันกลายเป็นขยะหรือคราบสกปรกเกาะติดหัวใจ เวลามีอะไรมากระทบหรือสัมผัสกับความรู้สึก ก็จะมีคราบเปื้อนเหล่านี้เข้าไปเจือปน ความสดใสที่ควรจะมี จึงมีได้ไม่เต็มที่

ทำไมเราจึงปล่อยให้ใจเป็น "ถังขยะ" ล่ะ

คำตอบก็คือ เราไม่ค่อยรู้ตัวหรอก ว่าเราแอบทิ้งขยะลงไปในใจของเราเอง หรือมีใครทิ้งขยะลงมาในหัวใจของเราบ้าง ถ้าเราไม่หมั่นสำรวจ บางทีเราอาจมีขยะรกเรื้อหัวใจอยู่มากมายเลยก็ได้ อะไรบ้าง ที่เป็นขยะหัวใจ

1. ความไม่พอใจ

มีหลายเรื่องเลยนะ ในชีวิต ที่เราไม่พึงพอใจ ถ้าจะแบ่งให้กว้างที่สุดเพื่อให้เห็นภาพ สิ่งที่ทำให้เราไม่พอใจมีอยู่ 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ ไม่พอใจคนอื่น กับไม่พอใจตัวเอง ไม่พอใจคนอื่นเกิดได้มากกว่าความไม่พอใจในตัวเอง เพราะธรรมชาติของคน ย่อมรักตัวเองมากกว่าคนอื่น ย่อมโทษคนอื่นก่อนโทษตัวเอง ย่อมเห็นความผิดของคนอื่นได้ก่อนและได้ชัดกว่าความผิดของตนเอง

ขณะเดียวกันเราต่างก็รู้ว่าโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ มีเกิน มีขาด จนกว่าจะค่อยๆ ปรับปรุงพัฒนาให้มีความพอดีได้ จึงจะเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบมากที่สุด ฉะนั้น เราควรมองด้านดีของกันและกันให้มากกว่าด้านที่บกพร่อง

ถ้าเราเริ่มจากมองด้านดีของกันและกันแล้ว ความพึงพอใจ และความนับถือในกันและกันก็จะเกิด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สร้างสรรค์กว่าการจับผิดกัน แล้วนำไปสู่ความไม่พอใจ

2. ความผิดหวัง
2 สิ่งที่ไม่ควรตั้งความหวังไว้สูงนัก คือหวังว่าเรื่องบางเรื่อง เหตุการณ์บางเหตุการณ์ หรือคนบางคนในอดีตจะย้อนกลับมา กับหวังว่าอนาคตจะเป็นไปตามที่เราวาดหวังเสียทุกประการ อดีตเป็นสิ่งที่ยากจะเรียกหาให้ย้อนกลับคืนมาเป็นเหมือนเดิม ดีที่สุดคือใช้อดีตเป็นบทเรียน ให้สติ ให้เราเรียนรู้ทั้งโอกาสและความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้น เพื่อให้วันนี้และวันข้างหน้า ดีกว่าอดีตที่เคยเป็น

ส่วนอนาคตย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย ไม่สามารถบังคับบงการให้เป็นไปตามความหวังของเราได้เสียทั้งหมด แต่พอจะคาดการณ์ได้ว่าน่าจะเป็นอย่างไร กระนั้นก็ตาม หากไม่เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ ก็อย่าได้ทุกข์ร้อนเสียใจ และปล่อยความคาดหวังบนความไม่แน่นอนแบบนี้ให้เป็นขยะรกอารมณ์

3. ความอิจฉาริษยา

ขยะอย่างหนึ่งที่รกใจคนที่สุด ก็คือความอิจฉาริษยาคนอื่น โดยไม่ทันเฉลียวว่า ทุกครั้งที่เราอิจฉาริษยาใครก็ตาม ความนับถือตัวเองของเราก็เสื่อมถอยลงไปด้วย เพราะการจะรู้สึกอิจฉาหรือริษยาใครนั้น ย่อมมีพื้นฐานมาจากความรู้สึกว่าเขาดีหรือได้ดีกว่าเรา เราจึงอิจฉาเขาเป็นพัลวัน

จงหยุดอิจฉา แล้วมองให้เห็นว่า การที่คนอื่นได้ดีหรือมีดีกว่าเรานั้น เป็นสิ่งที่น่ายินดี ควรยินดีกับเขา และปรับเปลี่ยนโน้มน้าวตัวเองให้ทวีความดีดั่งที่เขามีจนเราอิจฉา

4. ความยึดมั่นถือมั่น

ขยะที่เพิ่มพูนความรกเรื้อรุงรังให้ใจได้เป็นอย่างดีอีกประการหนึ่งคือ ความยึดมั่นถือมั่น คิดว่านั่นก็คนของฉัน นี่ก็บ้านของฉัน รถของฉัน คนรักของฉัน ตำแหน่งของฉัน ฯลฯ จนไม่สามารถปล่อยวาง สิ่งนอกตัว เหล่านั้นลงได้

ส่วนใหญ่พบว่า จิตจะปรุงแต่งไปเอง ว่าสิ่งนี้ฉันรัก สิ่งนี้ฉันเป็นเจ้าของ ใครก็เอาไปจากฉันไม่ได้ พอไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ ก็ผูกพันหน่วงเหนี่ยว ยังคงเสียดาย เสียใจ และปรุงแต่งจิตเพิ่มเข้าไปว่าฉันนี้แสนทุกข์ระทม

ลองยอมรับความจริงดูบ้างไหม ว่าอะไรๆ ในโลกนี่ก็ไม่ใช่ของเราอย่างถาวรทั้งสิ้น แม้กระทั่งร่างกายของเรานี้ แท้ก็เป็นแค่ของยืมมา ใช้ได้ชาตินี้ชาติเดียว เดี๋ยวก็เสื่อม ก็แก่ ก็ป่วย ก็ตาย ต้องคืนร่างกายสังขารนี้สู่สภาพดิน น้ำ ลม ไฟ เน่าเปื่อยผุพังไป สิ้นความสวยความหล่อ ตลอดจนลาภยศสรรเสริญทั้งปวง

5. ความกลัว
ใจหลายคน รุงรังไปด้วยความกลัว กลัวเขาจะไม่รัก กลัวเงินจะหมด กลัวฝนจะตก กลัวนายจ้างจะเลิกจ้าง กลัวเพื่อนร่วมงานจะได้ดีกว่า กลัวไม่ก้าวหน้า ไม่ได้โบนัส ฯลฯ

กลัวไปทำไม เรื่องบางเรื่องเราตัดสินเองไม่ได้ อยู่นอกเหนือจากการควบคุม ซึ่งกลัวไปก็เท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นสักนิด บางเรื่องแทบไม่มีวันมาถึงในชีวิต ก็กลัวล่วงหน้า กลัวจนประสาทเสีย

จงพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกคนและทุกสิ่งในชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี ซึ่งต้องเริ่มจากการทำแต่สิ่งที่ดี โปร่งใส ไม่เป็นแผลติดตัวที่ต้องปิดบังซ่อนเร้น และจงขจัดความกลัวออกไปจากใจ เพื่อให้เกิดความมั่นใจที่จะใช้ชีวิตของเราให้สมศักดิ์ศรี เพื่อที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อทำให้ชีวิตนี้ดีกว่าเดิม

6. ความอยาก

จง "อยาก" ให้พอดีกับกำลังกาย กำลังทุน และกำลังสติปัญญาของตัวเอง อย่าอยากจนเกินกำลัง เพราะจะทำให้สิ้นกำลังได้ง่าย แล้วกลายเป็นคนพ่ายแพ้ อ่อนแอ หมดสิ้นความทะเยอทะยานอยากในชีวิต

ความทะเยอทะยานอยากเหมือนรถ แต่ใจเราคือคนขับ รถแล่นด้วยความเร็วกำลังดี เราก็ได้ประโยชน์ จอดอยู่เฉยๆ ก็นิ่งอยู่กับที่ แต่หากแล่นฉิวจนเกินควบคุม ก็อันตรายกับชีวิต ฉะนั้น ใจต้องเป็นนายของความทะเยอทะยานอยาก ขับเคลื่อนความทะเยอทะยานอยากโดยควบคุมได้

ทำอย่างไรให้ใจสะอาด

เริ่มจากปล่อยวางสิ่งต่างๆ ลง อย่ายึดติดยึดถือให้มากนัก แล้วอยู่กับปัจจุบัน อะไรที่อยู่กับเรา เป็นของเรา ย่อมอยู่กับปัจจุบันของเราด้วย นั่นคือสิ่งจริงแท้แน่นอน การปล่อยวางสิ่งต่างๆ ลง เท่ากับการเทขยะทิ้ง การอยู่กับปัจจุบัน เท่ากับการปิดฝาถังขยะ ไม่เปิดรับขยะใหม่ๆ ให้ใจต้องสกปรกรกรุงรังอีก เพื่อมีเวลาทำความสะอาดหัวใจให้ผ่องใส เบิกบาน

ใจ...แท้จริงผ่องใสด้วยตัวของมันเอง แต่คนที่เป็นเจ้าของหัวใจต่างหาก ที่ชักนำสิ่งต่างๆ มาปะพอก จนใจนั้นหมดสภาพ ฟื้นหัวใจให้กลับไปผ่องใสดังเดิมกันเถิด ปัดฝุ่นและคราบเขม่าทั้งหลาย แล้วเปิดทางให้หัวใจได้หายใจ เต้น และรู้สึกด้วยตัวของมันเอง

อย่าไปบงการหัวใจมาก เพราะแทนที่จะเป็นหัวใจ มันจะกลายเป็นถังขยะแทน

ข้อมูลจาก
 

ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงาน โต๊ะคอมพิวเตอร์

ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงาน โต๊ะคอมพิวเตอร์ ช่วยเสริมดวง ช่วยให้หน้าที่การงานรุ่งเรืองรุ่งเรือง



1. ตำแหน่งโต๊ะทำงานที่ดี อย่างแรกให้ดูที่ตำแหน่งด้านหลัง
เพราะในทางฮวงจุ้ยถือว่าด้านหลังหมายถึงความมั่นคง ถ้านั่งหันหลังให้กระจกซึ่งเป็นวัตถุที่มีการสะท้อนอยู่ตลอดเวลา แสดงว่าหน้าที่การงานของคุณไม่แน่นอน ทางแก้คือหามู่ลี่มาปิดทับบริเวณด้านหลังให้ทึบอยู่ตลอดเวลา หรือถ้ามีตู้ทึบอยู่ด้านหลังก็พอจะช่วยได้ แต่ถ้าจะให้ดี ควรนั่งหันหลังให้กำแพงและหารูปภาพมาติดไว้ตรงบริเวณด้านนี้ โดยเลือกที่มีความหนักแน่น เช่น ภูเขา ส่วนทิศทางตำแหน่งของการนั่งนั้น ถ้าเป็นห้องส่วนตัว ควรตั้งโต๊ะไว้ในลักษณะที่จะสามารถมองเห็นคนที่เข้ามาในห้องได้อย่างชัดเจน

2. พยายามหลีกเลี่ยงการตั้งโต๊ะทำงานตรงกับประตู
เพราะการตั้งโต๊ะตรงกับประตู จะทำให้เราถูกนินทาว่าร้ายเอาได้ และไม่ควรนั่งหลังลอยหรือนั่งหันหลังให้ประตู เพราะอาจถูกแทงข้างหลังจากเพื่อนร่วมงานได้ แต่ถ้าหากเลี่ยงไม่ได้ควรหาฉากหรือต้นไม้มาคั้นระหว่างประตูหรือโต๊ะทำงาน

3. ไม่ควรให้โต๊ะทำงานหันไปชนกับมุมเสา
เพราะจะทำให้เจอแต่เรื่องไม่ค่อยดี ถ้าหลีกเลี่ยงได้ให้หาคริสตัลมาวางสะท้อนพลังงานด้านลบออกไป

4. หันโต๊ะทำงานไปในทิศทางเดียวกัน
ถ้าคุณต้องนั่งรวมกับคนอื่น ควรพยายามหันโต๊ะทำงานไปในทิศทางเดียวกัน และหลีกเลี่ยงการหันหน้าโต๊ะเข้าหากัน เพราะเดี๋ยวจะเม้าท์กันเพลินจนลืมทำงาน (แทนที่งานจะรุ่ง เดี๋ยวจะถูกเจ้านายเพ็งเล็งเอา)

5. แก้เคล็ดหากนั่งใต้คาน
ถ้าใครที่นั่งใต้คานจะส่งผลให้คนๆ นั้นมีความเครียดสูง การงานไม่ราบรื่น หรือทำงานผิดพลาดได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณอยู่ในแผนกบัญชีหรือการเงิน อาจจะส่งผลเสียต่อองค์กรเป็นอย่างมาก ทางแก้ไขมีหลายแบบ แต่ที่ง่ายที่สุด คือการใช้คานให้เป็นประโยชน์ด้วยการแขวนนาฬิกา หรือติดหลอดไฟไว้ใต้คาน

6. วางของสูงที่มุมโต๊ะด้านซ้าย
ที่ด้านซ้ายของโต๊ะทำงาน เป็นตำแหน่งแห่งอำนาจในการทำงาน ให้วางของที่มีความสูงมากที่สุดเอาไว้มุมนี้ เช่น หน้าจอคอมพิวเตอร์ ชั้นวางเอกสารสูงๆ และควรที่จะมีต้นไม้เล็กๆ วางไว้ข้างจอคอมพิวเตอร์ จะเป็นต้นตะบองเพชร เฟิร์น เพื่อเป็นการลดความแรงของสนามแม่เหล็กจากจอคอมพิวเตอร์

7. ของที่ควรหลีกเลี่ยงบนโต๊ะทำงาน
ควรหลีกเลี่ยงของตกแต่งบนโต๊ะทำงาน หรือรูปภาพที่เป็นรูปสัตว์ในสิบสองปีนักกษัตร เช่น หนู งู ม้า ไก่ ลิง ฯลฯ เพราะสิ่งที่เราตั้งอาจกลายเป็นการชงปะทะกันเองกับปีเกิดของตัวเอง หรือผู้ที่มาติดต่อโดยไม่รู้ตัว ถ้าจะตั้งรูปสัตว์ปีนักกษัตรจริงๆ เราควรตรวจสอบในตารางของคลังคู่มิตรปีเกิดก่อนก็จะดี

8. ของที่เหมาะกับด้านขวาของโต๊ะ
ซึ่งเป็นตำแหน่งของการประสานงาน ความราบรื่น ให้วางพวกข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่มีความสูงน้อยไว้ในส่วนนี้

9. เสริมพลังตรงด้านหลังของโต๊ะ
หาก มีชั้นหรือมีพื้นที่วางของได้ ให้หา "เต่าคริสตัล" มาวาง เพื่อเป็นการกระตุ้นพลังงานด้านการสนับสนุน และความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน

10. ดูดซับพลังงานตรงด้านหน้าของโต๊ะ
ตรงนี้ถือเป็นจุดรับพลังงานต่างๆ ที่จะไหลเข้ามาสู่โต๊ะโดยตรง ให้หาแก้วน้ำใส่น้ำและหินเก๋ๆ มาวางประดับเอาไว้ เพื่อดูดซับพลังงานที่ดี

เห็นไหมไม่บรรทัดหนึ่งอัน




ไม้บรรทัดหนึ่งอัน เธอเห็นอะไรบ้าง
ด้านวัดที่เป็น ‘เซนติเมตร’ กับด้านวัดที่เป็น ‘นิ้ว’ ใช่ไหม
ด้านสองด้านที่ขนานกัน ด้านระยะห่างที่สม่ำเสมอ
ความรักของไม้บรรทัดจึงดูเศร้าๆ
เพราะ ‘เซนติเมตร’ กับ ‘นิ้ว’ ยืนอยู่คนละฝั่ง ไม่เคยลากมาบรรจบกัน
ความรักของเธอ - เป็นเหมือนความรักของไม้บรรทัดหรือเปล่า?
รักกัน...แต่ไม่ได้ยืนอยู่ฝั่งเดียวกัน
รักกัน...แต่ไม่มีสิทธิ์แลกหัวใจกัน
กลายเป็นความรักบนเส้นขนานที่ไม่มีวันได้รวมกันเป็นหนึ่ง

แต่ถ้ามองความผูกพันในแง่ดี มองชีวิตในแง่บวก ความรักของไม้บรรทัดก็อาจจะไม่ได้เศร้าทั้งหมด
และการที่เธอกับเขา ต่างคนต่างเดินไปบนเส้นขนานสองเส้นนั้น
ก็ยังพอมีเรื่องให้น่าดีใจอยู่
ดีใจ - ที่อย่างน้อยๆคนสองคนก็ยังมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ได้ต่างคนต่างไป
มีระยะทางที่เท่าเดิม ไม่ได้ไกลกันมากขึ้นกว่าเดิม

ความรัก -ไม่ได้มีแค่รูปแบบเดียวจริงๆ
คนที่เจอกับรักแท้ เจอกับรักที่ได้อยู่ใกล้กัน
และสามารถแลกใจกันนั้น จึงถือว่าเป็นคนที่โชคดี
แต่ไม่ใช่คนทุกคนหรอกที่เกิดมาแล้วจะได้รับโชคอันนี้
ความรัก - บางครั้งเราเองก็ออกแบบมันไม่ได้
และความรัก - ก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับชีวิตเราได้บ่อยๆ

ฉะนั้น ขอบอกเธอเอาไว้ตรงนี้เลย
ถ้าวันหนึ่งเธอมีโอกาสได้พบความรัก
แบบไม้บรรทัด
แม้มันอาจจะทำให้เธอเศร้าบ้าง เหงาบ้าง ก็อย่าได้หักหรือทำลาย
ให้คิดและเชื่อว่าถึงจะเดินขนานกัน
แต่เธอกับเขาก็ยังเดินอยู่บนไม้บรรทัดอันเดียวกัน และหายใจภายในโลกใบเดียวกัน
แค่นี้ก็คุ้มค่าในการเกิดมาแล้ว

กับสุขภาพที่ไม่ควรมองข้ามจ้า

8 วิธี การบริหารสมอง ให้สดชื่น


เมื่อรู้สึกอ่อนเพลีย สมองไม่แล่น ลองมาดูวิธีการบริหารสมองอย่างง่าย เพื่อความสดใส ซาบซ่า
1. ประสานงานสมอง การเขียนเลข 8 ในอากาศด้วยมือทั้ง 2 ข้างๆ ละ 5 ครั้ง โดยเริ่มจากด้านซ้ายของเลขก่อน แล้วเขียนวนไปให้เป็นเลข 8 วิธีนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการอ่าน และการทำความเข้าใจดีขึ้นและทำให้สมองด้านซ้ายและด้านขวาประสานงานกัน

2. น้ำเปล่าหล่อเลี้ยงสมอง วางขวดน้ำไว้ใกล้ๆ โต๊ะของคุณเป็นประจำ และคอยจิบทีละน้อย วิธีนี้จะช่วยให้จิตใจและร่างกายของคุณตื่นตัวตลอดเวลา และสมองก็จะเปิดว่าง สามารถรับสารหรือข้อมูลได้ดี เพราะน้ำจะช่วยปรับสารเคมีที่สำคัญในสมองและระบบประสาท ถ้าเวลาที่รู้สึกเครียด เพราะขาดน้ำ จึงควรจิบน้ำเพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำเพื่อไปหล่อเลี้ยงระบบของร่างกาย

3. นวดจุดเชื่อมสมอง วางมือข้างหนึ่งไว้บนสะดือ มืออีกข้างหนึ่งใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้วางบนกระดูกหน้าอกบริเวณใต้กระดูกไหปลาร้า และค่อยๆ นวดทั้ง 2 ตำแหน่งประมาณ 10 นาที วิธีนี้จะช่วยลดความงงหรือสับสน กระตุ้นพลังงานและช่วยให้มีความคิดแจ่มใส

4. บริหารกล้ามเนื้อหัวไหล่ ให้มือซ้ายจับไหล่ขวา บีบกล้ามเนื้อให้แน่นพร้อมหายใจเข้า จากนั้นหายในออกและหันไปทางซ้ายจนสามารถมองไหล่ซ้ายของตัวเอง จากนั้นสูดลมหายใจลึกๆ วางแขนซ้ายลงบนไหล่ขวา พร้อมกับห่อไหล่ ค่อยๆ หันศีรษะกลับไปตรงกลางและเลยไปด้านขวา จนกระทั่งสามารถมองข้ามไหล่ของคุณได้ ยืดไหล่ทั้ง 2 ข้างออก ก้มคางลงจรดหน้าอกพร้อมกับสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อของคุณได้ผ่อนคลาย เปลี่ยนมาใช้มือขวาจับไหล่ซ้ายบ้างและทำซ้ำกันข้างละ 2 ครั้ง วิธีนี้จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อตรงส่วนลำคอและไหล่ การได้ยิน, การฟัง และช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อที่เกิดจากการนั่งโต๊ะทำงานเป็นเวลานานอีกด้วย

5. นวดใบหูกระตุ้นความเข้าใจ วิธีนี้ทำได้โดยการนั่งพักสบายๆ แตะปลายนิ้วทั้ง 2 ข้างที่ใบหู เคลื่อนนิ้วไปยังส่วนบนของหู จากนั้นบีบนวดและคลี่รอยพับของใบหูทั้ง 2 ข้างออก ค่อยๆ เคลื่อนนิ้วลงมานวดบริเวณอื่นๆ ของใบหู ดึงเบาๆ เมื่อถึงติ่งหู ดึงลง ให้ทำซ้ำกัน 2 ครั้ง วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นการได้ยิน และทำให้ความเข้าใจดีขึ้น เพราะเป็นการคลายเส้นประสาทบริเวณใบหูที่เชื่อมสมอง

6. บริหารขา โดยการยืนตรงให้เท้าชิดกัน ถอยเท้าซ้ายไปข้างหลัง โดยยกส้นเท้าขึ้น งอเข่าขวาเล็กน้อยแล้วโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย ก้นของคุณจะอยู่ในแนวเดียวกับส้นเท้าขวา สูดลมหายใจเข้าและผ่อนออก ในขณะที่ปล่อยลมหายใจออกนี้ ค่อยๆ กดส้นเท้าซ้ายให้วางลงบนพื้นพร้อมกับงอเข่าขวาเพิ่มขึ้น หลังเหยียดตรง สูดลมหายใจเข้าแล้วกลับไปตั้งต้นใหม่อีกครั้ง เปลี่ยนจากขาข้างซ้ายเป็นข้างขวา โดยออกกำลังในท่านี้ทั้งหมด 3 ครั้งด้วยกัน การบริหารท่านี้เหมาะสำหรับการปรับปรุงสมาธิ รวมทั้งช่วยเพิ่มความเร็วในการอ่านหนังสือ และยังช่วยให้กล้ามเนื้อต้นขา และกล้ามเนื้อน่องผ่อนคลายอีกด้วย

7. กดจุดคลายเครียด ใช้นิ้ว 2 นิ้ว กดลงบนหน้าผากทั้ง 2 ด้าน ประมาณกึ่งกลางระหว่างขนคิ้ว และตีนผม กดค้างไว้ประมาณ 3-10 นาที วิธีนี้จะช่วยคลายความตึงเครียดและเพิ่มการหมุนเวียนโลหิตเข้าสู่สมอง

8. บริหารสมองด้วยการเขียน เขียนเส้นขยุกขยิกด้วยมือทั้ง 2 ข้าง พร้อมๆ กัน ลายเส้นที่เขียนอาจจะดูเพี้ยนๆ แต่ได้ผลดีต่อระบบสมองเป็นอย่างดีทีเดียว วิธีนี้จะช่วยให้เกิดการปรับปรุงการประสานงานของสมอง ด้วยการทำให้สมองทั้ง 2 ซีกทำงานพร้อมกัน และเพิ่มความชำนาญด้านการสะกดคำและคำนวณดีและรวดเร็วขึ้นอีก

ทายใจเล็กๆๆน้อยๆๆ

ทายใจจากอักษรท้ายชื่อ

อักษรตัวท้ายสุดในชื่อภาษาอังกฤษของคุณคืออะไรลองมาดูคำทำนายต่อไปนี้ที่จาระไนลักษณะนิสัยของคุณเอาไว้ทดสอบมาแล้วกับตัวเองและคนใกล้ตัวว่าแม่นใช้ได้ แต่กับคุณไม่รู้ มาลองดูเองละกันค่ะ

อักษรท้ายชื่อคือตัว A, J และ S สำหรับ คนที่มีอักษรท้ายชื่อของตนคือตัว เอ เจ และเอสนั้น มักเป็นคนที่หลงใหลในอิสระเสรีภาพมาก ไม่ใช่คนเก็บตัว ทั้งยังชอบการแสดงออกเสียจนดูฟุ่มเฟือย สำหรับการทำงานชอบทำงานที่ได้เป็นเจ้านายตัวเอง ทั้งนี้เพราะว่า เป็นคนที่ยึดมั่นในความคิดของตนเป็นอย่างยิ่ง โดยไม่เปลี่ยนแปลงง่ายๆ และไม่ยอมประนีประนอม ใดๆเลยแต่ก็เป็นผู้ที่ซื่อสัตย์ต่อความต้องการของตน ทั้งยังเป็นคนมีอารมณ์ขัน และจริงใจต่อทุกคนที่คบหาเป็นเพื่อน
อักษรท้ายชื่อคือตัว B, K และ T สำหรับคนที่มีอักษรท้ายชื่อคือตัว บี เค และทีนั้น อุปนิสัยมักเป็นคนที่เอาแต่อารมณ์เป็นใหญ่ จึง มักหวั่นไหวปรวนแปรได้โดยง่ายตามกระแสความต้องการของคนส่วนใหญ่ หรือบุคคลที่มีอิทธิพลเหนือกว่าแต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนช่างรู้สึก อ่อนไหว ขี้สงสาร รวมไปถึงการชอบสงสารและเข้าข้างตัวเองอีกด้วย ทั้งยังไม่ใช่คนที่มีความอดทนต่อสิ่งใดๆเลย และมักมีความฝังใจในเรื่องร้ายๆจากอดีต
อักษรท้ายชื่อคือตัว C, L และ U สำหรับ คนที่มีอักษรท้ายชื่อคือตัว ซี แอล และยูนั้นจะเป็นคนที่อยู่เฉยๆไม่ค่อยได้ มักจะกระตือรือร้นสนอกสนใจเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่เสมอ แต่จะสนใจอะไรไม่ค่อยนาน และมักทำงานไม่ค่อยสำเร็จหากไม่มีคนช่วย ทั้งนี้เพราะมีความเป็นนักทฤษฎีมากกว่านักปฏิบัติและยังเป็นคนที่ชอบการ แสดงออก โดยเฉพาะในเรื่องความคิดจะให้ความสนใจในตัวบุคคลที่มีความสามารถเก่งกาจจนเป็นที่ยอมรับในวงกว้างและชื่นชอบกับการติดต่อพบปะผู้คน
อักษรท้ายชื่อคือตัว D, M และ V บุคคล ที่มีอักษรท้ายชื่อคือตัว ดี เอ็ม และวีนั้นจะเป็นคนที่มีความเข้มแข็งและอดทนที่โดดเด่นมาก ชอบทำตัวง่ายๆติดดิน และไม่เป็นปัญหาสำหรับใคร และมักจะเป็นที่พึ่งพาของคนใกล้ชิด เป็นผู้ให้ที่ดีสำหรับคนที่ต้องการความช่วยเหลือจริงจัง แต่จะไม่ มีความอดทนกับคนที่เอาแต่งอมืองอเท้าไม่ทำอะไรนอกจากเอาแต่ร้องขอ ทั้งยังให้ความสำคัญกับการทำงานและสิ่งอันเป็นสาระต่อชีวิต นอกจากนี้ยังเป็นคนที่รักความซื่อสัตย์มากจะทำทุกเรื่องอย่างตรงไปตรงมา
อักษรท้ายชื่อคือตัว E, N และ W สำหรับ คนที่มีอักษรท้ายชื่อของตนคือตัว อี เอ็น และดับบลิวนั้น จะเป็นคนที่ชอบความทันสมัยมาก และมักจะทนกฎเกณฑ์เก่าๆที่เห็นว่าคร่ำครึสำหรับตนไม่ได้เลย ทั้งยังเป็นคนที่ชอบการเปลี่ยนแปลงมาก จะไม่มีวันยอมยึดมั่นหรือเข้มงวดอยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ และยังไม่ใช่คนที่มีระเบียบแบบแผนอะไรมากนัก ทั้งยังไม่มีความระมัดระวังในการใช้ชีวิตอีกด้วย นอกจากนี้ในเรื่องของความคิดก็มักจะขัดแย้งกับคนทั่วไป ออกจะดูดื้อรั้นในสายตาคนรอบข้าง
ท้ายชื่อคือตัวF, O และ X สำหรับผู้ที่มีอักษรท้ายชื่อคือตัว เอฟ โอ และเอกซ์นั้น จะเป็นคนที่มีความอ่อนโยน โอบอ้อมอารีและมักมีเสน่ห์ต่อคนใกล้ตัวเสมอ ทั้ง ยังเป็นคนที่นิยมในสิ่งที่สวยงามอ่อนหวาน จึงมักจะหมดเปลืองเวลาไปกับการสรรหาสิ่งละอันพันละน้อยเหล่านี้ให้ตนเองเสมอ โดยเฉพาะในเรื่องของการแต่งตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้จิตใจมีความสุขมาก ทั้งยังนิยมชมชอบให้คนรอบข้างได้สัมผัสใกล้ชิดกับสิ่งสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศิลปะ หรือข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ
อักษรท้ายชื่อคือตัว G, P และ Y สำหรับ คนที่มีอักษรท้ายชื่อคือตัว จี พี และวายนั้น มักเป็นคนที่นิยมในความจริงที่ตรงไปตรงมาและชัดเจนชอบทำงานที่มีเหตุผลจริง จัง ทั้งยังเป็นคนที่มีความละเอียดถี่ถ้วนมากในหน้าที่ที่รับผิดชอบ นอก จากนี้ยังเป็นคนที่เปิดเผย ใจร้อน ชอบแสดงออก กล้าคิดกล้าทำ แต่ไม่ใช่นักพูดที่ดีนัก เป็นคนที่มีความโดดเด่นในตัวเอง โดยธรรมชาติ เป็นคนที่ชอบแต่งตัว และมีรสนิยมที่ดีในการเลือกข้าวของเครื่องใช้ให้กับตน โดยไม่จำเป็นต้องมีราคาแพงเสมอไป
อักษรท้ายชื่อคือตัว H, Q และ Z คน ที่มีอักษรท้ายชื่อคือตัว เอช คิว และแซดนั้น จะมีความอดทนสูง ไม่มีความเร่าร้อนบุ่มบ่ามในการกระทำใดๆทั้งสิ้นการคิดการตัดสินใจ จะค่อนข้างล่าช้า แต่ว่าก็สุขุมรอบคอบและผ่านการวางแผนที่ดี ไม่ชอบชีวิตที่เสี่ยงภัย และไร้ความมั่นคง ทั้งยังเป็นคนที่เคร่งครัดต่อระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคมเป็นอย่างยิ่ง ค่อนข้างจะปิดกั้นตัวเองต่อความสนุกสนานในความคิดของคนทั่วไป แต่รักความสงบ และรักชีวิตส่วนตัวที่ไม่มีคนเข้ามาวุ่นวาย
อักษรท้ายชื่อคือตัว I และ R สำหรับ คนที่มีอักษรท้ายชื่อคือตัว ไอ และอาร์นั้น จะเป็นคนที่มีความมานะพยายามสูง และมองคนทุกคนในแง่ดี จะไม่มีอคติหรือคิดร้ายกับใครทั้งสิ้น แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองมาก จะชัดเจนและตรงไปตรงมากับความชอบหรือไม่ชอบของตน ไม่มีลักษณะของคนที่ลังเล หรือตัดสินใจไม่ได้ให้เห็นเลย จะดูเป็นคนที่ดันทุรังอยู่สักหน่อย กับสิ่งที่ตนคิดและเชื่อที่จะไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ทั้งยังมีหลักการและเหตุผลสำหรับการกระทำของตัวเองเสมอ

สักนิดกับชีวิตและสุขภาพ

ตำรายา จากอาหารที่เราบริโภคในชีวิตประจำวัน


ตำรายา จากอาหารที่เราบริโภคในชีวิตประจำวัน
สรรพคุณของพืขผักแต่ละชนิดว่ามีคุณประโยชน์ต่อการรักษาได้อย่างไรไว้ในหนังสือชื่อ " ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ " เช่น
1. ปวดหัว กินปลามากๆ ทั้งปลาทะเล ปลาน้ำจืด
น้ำมันจากปลามีสรรพคุณป้องกันการปวดหัว กินพร้อม ๆ กับขิง จะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวลง

2. แพ้ละออง เป็นแพ้ทั้งฝุ่นและเกสรดอกไม้
ให้กินโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว

3. โรคหัวใจ ดื่มชาเขียว เป็นประจำ
สารในชาเขียวช่วยป้องกันไม่ให้ไขมันไปจับตัวตามผนังหลอดเลือด

4. โรคนอนไม่หลับ ดื่มน้ำผึ้ง เป็นประจำ
สารในน้ำผึ้งมีฤทธิ์เป็นยากล่อมประสาททำให้นอนหลับฝันดี

5. โรคหืดหอบ กินหอม ต้นหอม หรือ หัวหอม ก็ได้มีตัวยาทำให้หลอดลมปลอดโปร่ง

6. โรคไขข้ออักเสบ กินปลาเท่านั้น แก้ไขเป็นปกติได้ ได้แก่
ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ( ปลาโอ ) ปลาแมคเคอเรล ปลาซาดีนส์ ( ปลากระป๋อง ) น้ำมันปลาทำให้โรคไขข้ออักเสบบรรเทาลง

7. ท้องผูก ท้องอืด ให้กินกล้วย หรือ ขิง กล้วยทำให้ไม่ท้องผูก
และขิงทำให้อาการคลื่นไส้ในตอนเช้าหายไป

8. ติดเชื้อในถุงกระเพาะปัสสาวะ ให้ กินน้ำคั้นจากลูกแคนเบอรี
( ไม้เมืองหนาว ) กรดเข้มข้นในลูกไม้ฆ่าแบคทีเรียได้

9.. โรคหงุดหงิด ฟุ้งซ่านโดยเฉพาะเกิดในผู้หญิงสูงอายุด้วย
ให้กินข้าวโพดช่วยบรรเทาอาการเครียด วิตกกังวล และความคิดสับสนได้

10. โรคกระดูกพรุน ทั้งกระดูกเปราะและแตกง่าย แก้ไขได้โดยให้กินสับปะรด
ซึ่งมีสารแมงกานีสอยู่มาก ช่วยให้กระดูกแข็งแรงได้

11. ความจำเสื่อม แก้ไขโดย กินหอยนางรม หอยแครงหรือหอยอื่น ๆ
ซึ่งในเนื่อหอยมีสารสังกะสีช่วยบำรุงสมองได้ดี

12. เป็นหวัด กินกระเทียม ทำให้จมูกโปร่ง สมองโล่ง
กระเทียมช่วยลดไขมันในเลือดได้อีกด้วย

13. ไอ จาม กินพริกแดง สารที่นำมาทำยาแก้ไอนั้นสกัดมาจากพริกแดง

14. มะเร็งเต้านม กินข้าวสาลี รำข้าว และกะหล่ำปลีจะช่วยป้องกันได้ดี

15. มะเร็งปอด กินส้ม และ ผักใบเขียว
มีวิตามินเออยู่มากจะช่วยป้องกันการก่อพิษของสารเบต้าแคโรทีน

16 แผลในกระเพาะอาหาร กินกะหล่ำปลี
ซึ่งมีสารเคมีช่วยทำให้แผลเรื้อรังในกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กหายขาดได้

17. โรคท้องร่วง กินแอปเปิ้ลสดทั้งเปลือก

18. เส้นเลือดตีบ กินผลอโวคาโด แก้ได้เพราะไขมันดี " โมโรอันแซตเทอเรต "

19. ความดันโลหิตสูง กินผลโอลีฟ และผักขึ้นฉ่ายพืชทั้งสองชนิดนี้มีสารเคมี

20. น้ำตาลในเลือดไม่สมดุล กินผักบร็อกโรลี่ และถั่วลิสง คุณประโยชน์ของพืชสมุนไพร

เล็กๆๆน้อยๆๆกับชีวิต

++ คิดบวก ชีวิตก็บวก ++

วันจันทร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2555

สาระพัดคาถา

ไปอ่านเจอมาคะนี่ก็เป็นเรื่องของความเชื่อแบบไทยๆๆที่สืบทอดมาช้านานเรื่องคาถาแต่
ก็ไม่ทราบได้นะคะว่าผลที่ได้มันเป้นจริงตามที่ท่องหรือเปล่าเพราะข้าพเจ้าไม่เคยทดลองเลยคะแฮ่ๆๆๆ....



1. คาถาเมตตามหานิยม
นะเมตตา โมกรุณา พุทธปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู นะโมพุทธายะ นะมะอะอุ
(ใช้ภาวนาคาถาก่อนออกจากบ้าน จะทำให้คนที่พบเจอมีความรู้สึกที่ดี การติดต่อใดๆก็จะราบรื่นไม่ติดขัด)
2. คาถาเจ้านายเมตตา
ปัญจะมังสิระสังขาตัง นาหาย นะกาโร โหติ สัมภะโว อิสวาสุ
(ให้สวดท่องภาวนา ๓ จบ ก่อนออกจากบ้าน แล้วเจ้านายจะเมตตา)
3. คาถาขุนแผน
เอหิมะมะ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ
(ใช้ท่องกับของใช้ส่วนตัวอะไรก็ได้แล้วจะทำให้มีเสน่ห์เป็นที่หลงไหล)
4. คาถาเอ็นดู
วิชชาจะระณะสัมปันโน อิติปิโสภะคะวา
ปิยะเทวะมนุสสานัง ปิโยพรหมานะ มุตตะโม
ปิโยนาคะ สุปัณณานัง
ปิณินทะริยัง นะมามิหัง
นะเมตตา โมกรุณา พุทปรานี ธายินดี ยะเอ็นดู
(ให้ท่องคาถาก่อนไปพบผู้หลักผู้ใหญ่เพื่อให้เกิดความรักใคร่เอ็นดู)
5. คาถาสมัครงาน
พุทธัสสาหัง นิยยาเทมิ สะริรัญ ชีวิตัญวิทัง
นะโมมิตตามนุสสาจะ นะเมตตา โมกรุณา
(ใช้ท่องก่อนออกจากบ้านไปสัมภาษณ์หรือสมัครงานจะทำให้มีเสน่ห์เป็นที่ประทับใจ
6. คาถาค้าขายดี
โอมอิติพุททัตสะ สุวันนัง วารัชชะคัง วามะนีวาวัตตัง วาพัพพะยัน ละเอหิคาคัชวันติ
(ให้เอาใบไม้แช่น้ำใส่ขันไว้แล้วสวดภาวนา เลร็จแล้วนำน้ำไปประพรมให้ทั่วร้าน จะทำให้ขายคล่อง)
หรืออีกคาถาหนึ่งก็ว่ากันว่าทำให้ทำมาค้าขึ้นเหมือนกันคือ
อิติปิโสภะคะวา สัมมาสัมพุทโธ อิติปิโสภะคะวา พุทโธภะคะวา อิติปิโสภะคะวา พุทโธภะคะวา
7. คาถาสาริกาลิ้นทอง
พุทธา อะเนนา มะลิยา สุสังคะเยมิ
พุทธา อิริมะลิยา สุสังคะเยมิ
พุทธา อิรปะโย เคมะคุณนะ ปักเขสะเมมะมิ
อุนาโลมา ปันนะ วิชายะเต
(ใช้สวดภาวนาหากต้องการให้คนรักใคร่ พูดจาเป็นเสน่ห์ ตอนท่องถึงคำว่า มิ ก็ให้แตะที่ลิ้นด้วยทุกครั้ง)
8. คาถาอุปถัมภ์
อิติปาระมิตาติงสา อิติสัพพัญมาคะตา อิติโพธิ มนุปปัตโต อิติปิโส จะตมะโน
นะเมตตา โมกรุณา พุทปรานี ธายินดี ยะเอ็นดู ยะหันตวา ธามัวเมา พุทพาเอา นะโมพุทธายะ
(ใช้ท่องก่อนออกจากบ้าน จะทำให้เจ้านายสงสาร ช่วยเหลืออุปถ้มภ์ดี)
9. คาถารักแท้
โอมนะโมพุทธายะ พุทธัง สะระติ ธัมมัง สะระติ สังฆัง สะระติ
จิตตังสะมาเรมะมะเอทิ เอหิชัยยะ เอหิสัพเพชะนา พะหูชะนา เอหิ
(ให้บริกรรมคาถานี้กับลูกอมแล้วอมขณะที่คุยกับคนที่เรารัก จะทำให้เขาคนนั้นเกิดความรักจริงจังขึ้นมา)
10. คาถามัดใจ
พุทธัง รัตตะนัง ธัมมัง รัตตะนัง สังฆัง รัตตะนัง นะผูก โมมัด พุทรัด ธารึง ยะกรึงคะเร โอมสวาหะ
(ใช้สวดภาวนาก่อนนอน ทำให้คนรักคิดถึง)

สนใจใช้คาถาไหนก็ลองดูกันนะ ……………………………

วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555

คำคมดีๆจาก Forward Mail


เวลากับชีวิต




กาลเวลาเป็นสิ่งที่เดินไปตามทางที่วางไว้และคงที่แต่คนเราไม่ได้เดินอยู่บนกาลเวลา
แต่เดินด้วยสองเท้า..สมอง..และจิตใจที่มั่นคงตากหาก..
สิ่งเล็กๆๆน้อยๆๆที่เราอาจมองข้ามไป

ฟอฟันกับความรัก



เล็กๆๆน้อยๆๆกับเรื่องราวที่อ่านเจอมาคะวันนี้เริ่มวันแรกในรอบปีที่ห่างหายไปจากการเขียนไดอารี่
พอมาเริ่มอีกทีก้วันที่4มีนาคมของปี55เลยทีเดียวต่อไปนี้ว่าจะพยายามหาเวลาเขียนไดอารี่ซะที
และนี่เป็นการเริ่มของปี55และเป็นวันแรกของการสมัครบล็อคเลยทีเดียว...มะนาวเคยเขียนเล่นในไอไทเป็นที่แรกในชีวิตเลยที่นั่นมีเพื่อนพี่น้องที่คุ้นเคยและรวมความสุข..แล้วช่วงเวลานั้นก็ผ่านไป
กลายเป็นอดีตที่ไม่อาจหวนคืนกลับมาได้อีกที่นั่นมีความรู้สึกดีๆๆมากมายเกิดขึ้น..
  
แล้ววันหนึ่งพวกเราก็ต่างแยกย้ายกันไปเพราะเวปได้ปิดตัวลงตามกาลเวลา
แต่ก็ต้องขอบคุณเจ้าของที่ให้เรามีความทรงจำที่ดีๆๆกับครั้งหนึ่งในชีวิต
ได้รู้จักพี่...เพื่อน...น้อง...ที่นั่น