ถึงหน้าหนาวทีไรสาวอ้วนรูปร่างใหญ่มักจะขายดีเป็นพิเศษ อันนี้อาจจะคิดเข้าข้างตัวเองนิดนึง เพราะกอดแล้วอุ่นจริงไหมค่ะ แต่มันก็คงจะดีกว่านี้แน่ถ้าความอ้วนที่เป็นปัญหาสากลระดับโลกของผู้หญิงหาย ไป! ต้อนรับปีใหม่ด้วยหุ่นที่ผอมบางกว่าเดิม วันนี้เรามีเคล็ดลับลดความอ้วนมาแนะนำค่ะ เผื่อจะเอาไปลองใช้กันดูบ้าง เคล็ดลับที่ว่าก็คือการกดจุดนั่นเอง ไปดูกันเลยดีกว่า
จุดที่ 1 หลังกระเพาะอาหาร
ส่วนมากวิธีการกดจุดลดน้ำหนัก จะไม่ใช่การกดปุ๊ปแล้วน้ำหนักลดลงไปทันตาเห็นแน่นอนค่ะ แต่จะเป็นการกดเพื่อผ่อน ลดความอยากรับประทานอาหารเกินความจำเป็นมากกว่า โดยเฉพาะเวลากลางคืนเป็น ต้น เริ่มแรกให้ใช้หลังมือ เคาะจุดด้านหลังของกระเพาะอาหาร จุดที่ว่าอยู่แถวๆ เส้นตรงกลางหลังบริเวณขอบเอวเรานั่นเองค่ะ เคาะซักประมาณ 1 นาที จากนั้นให้ใช้ปลายนิ้วทั้ง 2 มือกดลงไปเบาๆ แถวท้องตรงจุดกึ่งกลางระหว่างลิ้นปี่และสะดือ ค้าง 3 วินาที พัก 3 วินาที กดแบบนี้ไปเรื่อยๆ ซัก 10 ครั้ง แค่นี้ก็จะช่วยลดความอยากอาหารได้แล้ว
จุดที่ 2 ใต้ไหปลาร้า
จุดต่อมาก็ยังคงเป็นจุดที่ช่วยลดความอยากอาหารอีกเช่นเคยค่ะ คราว นี้ย้ายที่มาที่บริเวณกระดูกใต้ไหปลาร้า ค่อยๆ ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางกดลงไปเบาๆ นะคะ ให้กดไล่ลงไปเรื่อยๆ ตามความยาวของไหปลาร้า ค่อยๆ นวดคลึงไปเรื่อยๆ แล้วมาเปลี่ยนเป็นการเคาะหลังมือเบาๆ คะ สลับกันเคาะระหว่างซ้ายขวา และกรอกตาไปเรื่อยๆ ตามแขนข้างที่เคาะถ้าซ้ายก็กรอกไปทางซ้าย ขวาก็กรอกไปทางขวานะคะ ทำซักประมาณ 10 ครั้งก็พอ เดี๋ยวจะตาลายซะก่อนค่ะ
จุดที่ 3 กระดูกใต้ตาและใบหู
จุดสุดท้ายเป็นกดจุดที่ใกล้ๆ กันสลับกันไปมา 2 จุดนะคะ เริ่มแรกด้วยการนวดคลึงกระดูกบริเวณใต้ตาเบาๆ ซักประมาณ 10 วินาที จากนั้นให้สลับไปนวดคลึงกระดูกเล็กๆ ในใบหูทั้ง 2 ข้างพร้อมๆ กันอีกประมาณ 10 วินาที เสร็จแล้วสลับไปมาแบบนี้ซัก 5 ครั้งก็พอค่ะ
.......................................................................................................................................................
|
ท่ากดจุดต่อมน้ำเหลืองบริเวณใบหน้า นอกจากช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อคาง กล้ามเนื้อมุมปาก กล้ามเนื้อแก้ม และกล้ามเนื้อใต้ตาแล้ว ยังช่วยกระตุ้นให้ระบบน้ำเหลือง การไหลเวียนโลหิตบริเวณใบหน้าไหลเวียนดี ลดความหมองคล้ำบนใบหน้า
1. มือทั้งสองข้างวางระหว่างตรงกลางคาง ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางทั้งสองข้างกดจุดตรงกลางคาง
2. ลากนิ้วกลางและนิ้วนางทั้งสองข้างมาหยุด และใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง 3 นิ้ว กดจุดข้างมุมปาก
3. ลากนิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง มาหยุดกดจุดบริเวณใต้แก้ม 3 จุด
4. ใช้นิ้วกลางและนิ้วนางทั้งสองข้าง กดจุดบริเวณข้างจมูก จุดใต้ตาและข้างติ่งหูทั้งสองข้าง
................................................................................................................................................
2. เทคนิคการกดจุดที่เสริมประสิทธิภาพหลังจากการทาอายครีม
ท่านวดกดจุดบริเวณดวงตา เพื่อช่วยลดรอยบวมและความหมองคล้ำบริเวณเปลือกตา เผยดวงตาที่สดใส แลดูกลมโตขึ้น และอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น
1. วางนิ้วชี้ทั้งสองข้างชิดกันตรงระหว่างคิ้ว
2. วาดนิ้วหัวแม่มือไปยังหางตาอย่างแผ่วเบาราวกับกำลังวาดกรอบแว่นให้กับดวงตา
3. หลับตาให้แน่นสนิทแล้วออกแรงดึงนิ้วชี้ทั้งสองขึ้นด้านบนเล็กน้อย และดึงนิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างออกไปทางส่วนบนของใบหู
4. หลับตาไว้แน่นๆ อย่างเดิม และออกแรงดึงนิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือค้างไว้เช่นนั้น 40 วินาทีเพื่อให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาได้ออกกำลังต้านแรงของนิ้วมือ
........................................................................................................................................................
3. ท่านวดกดจุดยกกระชับเปลือกตาล่าง เพื่อช่วยกระชับกล้ามเนื้อรอบดวงตา เพื่อลดเลือนรอยบวมและความหมองคล้ำบริเวณใต้ตา
1. นั่งหลังตรงหรือนอนหงาย
2.วางปลายนิ้วชี้ทั้งสองข้างลงบริเวณหางตาชิดกับขนตาล่างอย่างแผ่วเบา
3. เบิกตามองขึ้นด้านบนโดยที่นิ้วชี้ยังกดอยู่ที่เดิม และพยายามออกแรงที่เปลือกตาล่าง หากทำถูกต้องจะรู้สึกว่ากล้ามเนื้อด้านนอกของดวงตาทำงาน
4. มองขึ้นด้านบน ดันศีรษะไปด้านหน้าพร้อมกับดึงไหล่ไปด้านหลังเพื่อสร้างแรงต้านทาน หรืออาจเพิ่มการออกแรงให้มากขึ้นด้วยการกดเท้าลงกับพื้น
5. ออกแรงค้างไว้เช่นนี้ครั้งละ 40 วินาที วันละ 2 ครั้ง สำหรับผู้ที่เปลือกตาล่างบวมเป็นพิเศษ แนะนำให้ทำวันละ 3 ครั้ง
............................................................................................................................................................
4. ท่านวดกดจุดปรับจมูกให้เข้ารูป
จมูกของคนเรามีการเปลี่ยนแปลงไปตามอายุซึ่งอาจมีผลให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยได้ ท่านวดกดจุดนี้จึงจะช่วยรักษารูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ นอกจากนี้ การบริหารจมูกที่ดียังสามารถปกปิดความไม่เรียบเนียน เช่น รอยนูน หรือร่องหลุมได้อีกด้วย
1. จับดั้งจมูกด้วยนิ้วโป้งและนิ้วชี้มือข้างที่ถนัด แล้วบีบนิ้วทั้งสองเข้าหากัน
2. ดันปลายจมูกขึ้นด้านบนโดยใช้นิ้วชี้อีกข้างหนึ่งยืดกล้ามเนื้อปลายจมูกลง โดยดึงริมฝีปากบนลงมาให้ปิดฟันค้างไว้ 1 วินาที จากนั้นปล่อยริมฝีปาก ทำซ้ำ 40 ครั้ง หากทำถูกต้อง นิ้วที่ดันจมูกขึ้นจะรู้สึกถึงความเคลื่อนไหว
...........................................................................................................................................................
5. ท่านวดกดจุดยกกระชับริมฝีปาก ช่วยกระชับกล้ามเนื้อบริเวณมุมปากซึ่งอาจห้อยลงได้เมื่อสูงวัยขึ้น
1. ปิดริมฝีปากให้สนิท และออกแรงเม้มมุมปากทั้งสองข้างให้แน่น
2. ปิดปากค้างไว้เช่นนี้ แล้วใช้ปลายนิ้วชี้แตะที่มุมปากทั้งสองข้าง
3. ใช้นิ้วดันมุมปากขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งรู้สึกว่ากล้ามเนื้อมุมปากทั้งสองข้างได้บริหาร ทำอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วเป็นเวลา 40 วินาที เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด
4. เมื่อบริหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ปิดริมฝีปากให้สนิทเหมือนเดิมแล้วเป่าลมแทรกริมฝีปากออกมาเล็กน้อย และขยับริมฝีปากเข้าออกเพื่อคลายอาการเกร็ง
..........................................................................................................................................................
6. ท่านวดกดจุดยกกระชับคางและลำคอ
ช่วยในการกระชับผิวบริเวณลำคอและขากรรไกรเพื่อลดปัญหาคางสองชั้น
1. วางมือข้างหนึ่งลงด้านหน้าของลำคออย่างแผ่วเบา
2. แบมืออีกข้างหนึ่งแล้วยื่นไปข้างหน้า ใช้ฝ่ามือยันผนังหรือยันโต๊ะเอาไว้
3. ชี้คางขึ้นด้านบนแล้วยิ้มกว้าง แลบลิ้นออกมานอกริมฝีปากแล้วห่อลิ้นขึ้นไปทางจมูก
4. ค้างท่านี้ไว้ ใช้มือข้างที่ยันอยู่ดันตัวออกจากที่ค้ำยันอย่างรวดเร็วเพื่อโยกตัวไปทางด้านหลัง ทำซ้ำ 30 ครั้ง
5. หันหน้าไปทางซ้าย โดยที่ยังเชิดคางขึ้นและม้วนลิ้นขึ้นด้านบน และมืออีกข้างหนึ่งวางอยู่บนลำคอ แล้วมองข้ามไหล่ ทำซ้ำเช่นเดิม 30 ครั้ง แล้วหันหน้าไปทางขวาและทำซ้ำอีก 30 ครั้ง
กดจุดแก้ท้องอืด (ได้ด้วย!)
เดี๋ยวนี้เรื่องของสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญค่ะ คนรุ่นใหม่ส่วนมากต่างก็หันมาให้ความสนใจในการดูแลสุขภาพของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องของอาหารการกินและการขับถ่าย สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญในอันดับต้นๆ ของการใส่ใจในเรื่องของการดูแลสุขภาพที่ดีเลยทีเดียว
เดี๋ยวนี้อาการท้องผูกเริ่มเจอกันมากขึ้นในคนหนุ่มสาว ทั้งๆ ที่ในสมัยก่อนมักจะเจอในผู้สูงอายุเป็นส่วนใหญ่
Tips: มีใครเคยทราบบ้างมั้ยคะว่า จริงๆ แล้วพลังที่อยู่ในร่างกายบริเวณลำไส้ใหญ่นั้นจะทำงานได้ดีที่สุดในช่วงเวลาตื่นนอนประมาณ 05.00 – 07.00 น. และเป็นเวลาที่สำไล้ใหญ่ทำหน้าที่ในการขับถ่ายได้ดีที่สุด เพราะฉะนั้นหากใครที่ตื่นสายเป็นประจำจึงทำให้เลยเวลาในการขับถ่ายของร่ายกาย เป็นที่มาของอาหารท้องผูกในที่สุด หรือจะเป็นในเรื่องของการที่เราไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกายมากก็เป็นที่มาของอาการท้องผูกได้เช่นกันค่ะ
Yoga and Massage อาทิตย์นี้เรามีวิธีการกดจุดเพื่อบรรเทาอาการท้องผูกแบบง่ายๆ มาเสนอให้คุณผู้หญิงผู้ที่กำลังประสบปัญหานี้ได้ลองนำกลับไปให้กันดู เรามีทั้งหมด 2 แบบด้วยกัน นั้นก็คือการกดจุดที่ท้อง หรือจะเป็นการกดจุดที่ฝ่ามือ อันนี้ก็สามารถเลือกทำกันตามสะดวกเลยนะคะ แต่เรื่องผลที่จะได้รับ รับรองว่าเห็นผล ถ่ายคล่องแน่นอน
1. การกดจุดบริเวณท้องน้อย ท่าเตรียมบริหาร • ให้นอนในท่าหงายพร้อมชันขาทั้งสองข้างขึ้นในระดับที่สบายๆ
• ใช้มือทั้งสองข้างวางซ้อนกันบริเวณสะดือแล้วค่อยๆ ออกแรงกดลงค่ะ
• เขย่ามือทั้งสองข้างขึ้นลง ประมาณ 5 นาที จากนั้นผ่อนแรงมือขึ้นมากดไว้ที่สะดือตามเดิม
• ใช้ท่ามือทั้งสองลูบท้องตั้งแต่สะดือวนจากขวาไปซ้าย 10 – 20 รอบ
• ทำแบบนี้เป็นประจำทุกวัน จะช่วยให้การถ่ายของคุณสะดวกขึ้นแน่นอน
2. การกดจุดที่ฝ่ามือ • แบบมือด้านซ้ายออกในระดับที่พอดี ไม่ต้องเกร็ง
• หาตำแหน่งจุดที่กึ่งกลางที่เป็นบริเวณของเส้นและต่อมที่เชื่อมต่อกับสำไส้ ซึ่งจุดนี้จะอยู่เหนือข้อมือไปประมาณ 4 นิ้วค่ะ
• กดด้วยความแรงปานกลาง ค้างไว้ประมาณ 2 นาที แล้วปล่อยออก
• ทำแบบนี้กับมือทั้งสองข้างเป็นประจำทุกวัน ก็จะช่วยในเรื่องของการขับถ่ายได้เช่นกันค่ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องของการเลือกรับประทานอาหารที่มีเส้นใย เช่นผัก ผลไม้ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่จะช่วยให้การขับถ่ายของคุณสะดวกขึ้นได้ค่ะ
4 จุดหยุดเครียด
การทำงานและความเครียดเป็นของที่อยู่คู่กัน สาวๆ ทุกคนคงรู้กฎของโลกข้อนี้ดีอยู่แล้วใช่ไหมคะ และความเครียดนี่แหละที่เป็นบ่อเกิดของสิ่งแย่ๆ ที่จะทำให้พวกเรามัวหมองไปทั้งเรื่องของร่างกาย ผิวพรรณ ความรู้สึก สมอง ทุกอย่างจะเริ่มแย่ไปหมด แถมถ้าความเครียดลองได้เกิดขึ้นแล้ว มันก็ไม่ได้หายไปได้ง่ายๆ เสียด้วยซิ
ดังนั้น หลังจากที่เราเคยแนะนำสาวๆ ในเรื่องของการออกกำลังกาย และศาสตร์บำบัดต่างๆ มาแล้วมากมาย คราวนี้ลองมาศึกษาเรื่องของการนวดกดจุดบำบัดความเครียดให้กับตัวเรากันบ้างดีกว่าค่ะ กับ 4 จุดหยุดความเครียดด้วยตัวเองไม่ว่าที่ไหนก็ทำได้ง่ายๆ เลย
เริ่มต้นด้วยท่าง่ายๆ ที่เหมาะมากสำหรับสาวๆ ที่อ่อนล้าจากการนั่งอยู่กับที่และใช้คอมพิวเตอร์นานๆ เริ่มต้นด้วยการใช้มือซ้ายค่อยๆ นวดและกดไปบริเวณไหล่ข้างขวา โดยกดน้ำหนักทั้งบริเวณฝ่ามือและนิ้วมือ กดลงไปเรื่อยๆ นับประมาณ 5 วินาที แล้วหยุด จากนั้นทำเหมือนเดิมอีกประมาณ 3 ครั้ง จากนั้นก็เปลี่ยนมาใช้มือขวานวดไหล่ข้างซ้ายบ้าง ทำจำนวนเท่าเดิม ท่านี้จะช่วยลดความรู้สึกเมื่อยล้าที่บริเวณไหล่และต้นคอได้ดีค่ะ
จุดที่ 2 ในส่วนนี้จะช่วยลดความตึงเครียดรวมถึงลดอาการตึงที่บริเวณต้นคอ เริ่มต้นด้วยการใช้มือวางลงที่ด้านหลังของลำคอ บีบ คลาย บีบ คลาย ทำแบบนี้ซ้ำๆ ประมาณ 10 ครั้งโดยเน้นลงน้ำหนักไปที่ฝ่ามือและนิ้วมือนะคะ จะมือไหนกดคอด้านไหนก่อนก็ได้ เสร็จแล้วก็กลับไปทำอีกด้านค่ะ
จุดที่ 3 คือการนวดกดจุดที่บริเวณใบหู เริ่มด้วยการวางมือทั้ง 2 ข้างไว้ที่หูทั้ง 2 ข้าง โดยวางปลายนิ้วโป้งไว้ที่ด้านหลังของใบหูนะคะ แล้วนำนิ้วที่เหลือวางไว้แบบหลวมๆ เพื่อประคองด้านหน้า จากนั้นก็เริ่มนวดคลึงใบหูให้ทั่วเลยค่ะ นวดไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าใบหูเริ่มอุ่นค่อยหยุด ก่อนปล่อยมือให้ดึงใบหูออกด้านข้างเบาๆ ซัก 3 ครั้งด้วยนะคะ ท่านี้จะช่วนสร้างความผ่อนคลายให้รู้สึกสบาย นอกจากนั้นยังช่วยบำรุงไตให้ไตแข็งแรงได้ด้วย
จุดสุดท้าย คือส่วนที่สำคัญที่สุดสำหรับสาวๆ ที่ใช้สายตามากๆ ต้องนั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์จ้องจอคอมนานๆ เมื่อเริ่มรู้สึกปวดตาให้หยุดแล้วผ่อนคลายด้วยท่านี้คะ ง่ายมากๆ เริ่มต้นด้วยการใช้ปลายนิ้วโป้งกดไว้ที่บริเวณหัวตา กดค้างไว้แบบนั้นซักประมาณ 10 วินาที จากนั้นค่อยๆ ผ่อนน้ำหนักออกช้าๆ ทำซัก 2 ครั้งก็พอแล้วค่ะ
นวดกดจุด ดัดตน คลายเครียดด้วยตนเอง
จุดนวดพื้นฐาน ส่วน คอ ศีรษะ
แนว 2 แนวเหนือสะบักและแนวก้านคอ เริ่มจากเหนือหัวไหล่มาตามแนวเหนือกระดูกสะบัก ขึ้นไปตามแนวกันคอ ซึ่งอยู่ชิดกระดูกค จุดใต้ไรผม อยู่ตรงรอยบุ๋มใต้กะโหลกทางด้านข้าง 2 จุด
การกดนวด การกดแต่ละจุด ให้ค่อย ๆ เพิ่มแรงกดจนเริ่มรู้สึกปวดนับ 1-10 แล้วค่อย ๆ ผ่อนออก กรณีที่เป็นแนวนวด แต่ละจุดอยู่ห่างกันประมาณ 1 นิ้วมือ
ท่านวดด้วยตัวเองคลายเครียด
ท่าที่ 1
ใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง กด บีบแนวเหนือสะบักและแนวบ่า แล้วทำสลับข้าง
ท่าที่ 2
ประสานมือเข้าด้วยกันบริเวณท้ายทอย ใช้นิ้วหัวแม่มือทั้ง 2 ข้าง กดตามแนวเกลียวคอและแนวก้านคอ
ท่าที่ 3
ใช้นิ้วหัวแม่มือทั้ง 2 ข้าง กดจุดใต้ไรผม 2 จุด (กางข้อศอก จะทำให้มีน้ำหนักกด) พร้อม ๆ กันด้วยแรงพอสมควร
ท่าดัดตนคลายเครียด
ท่าที่ 4
นั่งขัดสมาธิ งอข้อศอกข้างหนึ่งให้มือจับบ่าด้านตรงข้าม ใช้มืออีกข้างจับที่ข้อศอกไว้หายใจเข้า หายใจออก พร้อม ๆ กับดันข้อศอกไปอีกข้างให้มากที่สุด หายใจเข้าออกปกติ 3-5 ครั้ง แล้วผ่อนออกทำสลับข้างทั้งซ้ายและขวา ท่านี้เป็นการยืดข้อไหล่ เป็นท่าฤาษีดัดตนซึ่งระบุว่า แก้ขัดแขน
ท่าที่ 5
นั่งขัดสมาธิ งอศอกข้างหนึ่งไว้ทางด้านหลังศีรษะ มืออีกข้างจับมือไว้หายใจเข้า หายใจออก พร้อม ๆ กับดึงข้อมือลงให้มากที่สุด หายใจเข้า-ออกปกติ 3-5 ครั้ง แล้วผ่อนออก ทำสลับข้างทั้งซ้ายและขวา ท่านี้เป็นการขืดข้อไหล่
ท่าที่ 6
นั่งขัดสมาธิ มือข้างหนึ่งวางบนหน้าตัก ฝ่ามืออีกข้างวางไว้ใต้กกหู หายใจเข้า หายใจออก พร้อมกับดันมือทั้ง 2 ข้าง (มือบนดันคอให้ศีรษะหันไปด้านข้าง มือล่างดันหน้าตัก) หายใจเข้าออกปกติ 3-5 ครั้งแล้วผ่อนออก ท่านี้ช่วยยืดกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอช่วยบรรเทาอาการปวดคอ และปวดศีรษะ เป็นท่าที่ฤาษีดัดตนซึ่งระบุว่า แก้ลมเวียนศีรษะ
ท่าที่ 7
นั่งขัดสมาธิ ตัวตรง พนมมือระหว่างอก หายใจเข้า ค่อย ๆ ยกมือขึ้นเหนือศีรษะ ออกแรงดันฝ่ามือเข้าหากัน ยืดลำตัว หายใจเข้าออกปกติ 3-5 ครั้ง แล้วผ่อนออก ท่านี้ช่วยบริหารกล้ามเนื้อคอและสะบัก ช่วยบรรเทาอาการปวดคอ ปวดศีรษะ และปวดสะบัก เป็นท่าฤาษีดัดตนซึ่งระบุว่า แก้ลม ปวดศีรษะท่าที่ 8
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น